ทำเนียบรัฐบาล--14 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม ได้รายงานการจัดตั้ง สายการบินที่กำหนดสายที่สอง พอสรุปได้ดังนี้
1. สภาพแวดล้อมปัจจุบันและปัญหา
ในปัจจุบันปริมาณการจราจรทางอากาศของประเทศไทยรวมทั้งปริมาณจราจรของประเทศ ต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ มีอัตราการเจริญเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ประเทศไทยมีสายการบินของ รัฐเพียงสายเดียวเป็นสายการบินที่กำหนด ย่อมไม่เพียงพอต่อการให้การบริการ และไม่สอดคล้องกับ ความต้องการของสาธารณชนเกิดการเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศอื่นนอกจากนี้ การเสนอ บริการในตลาดที่มีปริมาณการจราจรหลายขนาด ต้องจัดหาอากาศยานหลายแบบมาใช้ในการบริหาร ทำให้ต้นทุนสูงในการจัดหาอากาศยานและปัญหาในการจัดหาบุคลลากรประจำหน้าที่รวมทั้งปัญหาการ ซ่อมบำรุง การเสนอบริการจึงไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
2. แนวทางการแก้ปัญหาและผลกระทบ
จากนโยบายที่ให้สายการบินของรัฐ เป็นสายการบินที่กำหนดของประเทศเพียงสายเดียวเพื่อ เสนอบริการในทุกระดับของตลาด ซึ่งไม่อาจสนองความต้องการได้อย่างทั่วถึงสะท้อนให้เห็นว่านโยบาย ดังกล่าวไม่เหมาะสมกับตลาดการเงินของประเทศในปัจจุบันกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่าการมีสาย ที่สอง เพื่อมารองรับกับปริมาณการจราจร และแบ่งสรรการกำเนิดบริการในระดับที่เหมาะสม จะช่วย ให้การพัฒนาธุรกิจการบินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้ศึกษากำหนดรูปแบบของสายการบิน ที่กำหนดสายที่สอง และเห็นว่ารูปแบบที่เหมาะสมคือให้บริษัทการบินเอกชนที่ทำธุรกิจการบินในปัจจุบันและ /หรือนิติบุคคล จัดตั้งบริษัทขึ้นมาอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อดำเนินกิจการเป็นสายการบินที่กำหนดสายที่สอง และ เมื่อบริษัทที่จะดำเนินกิจการเป็นสายการบินที่กำหนดสายที่สองได้จัดตั้งและดำเนินการไปเป็นระยะเวลา 4 ปีที่แล้ว จึงจะเปิดโอกาสให้เอกชนที่ยื่นคำขอให้ทางราชการพิจารณา เพื่อเป็นสายการบินที่กำหนดราย ต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจอนุมัติในหลักการให้มีสายการบินที่กำหนดของ ประเทศสายที่สองซึ่งจะทำให้การบินทั้งภายในประเทศในภูมิภาค และระหว่างทวีป โดยให้กระทรวง คมนาคมจัดทำรายละเอียด (Term of Reference)เสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณา ต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตเกี่ยวกับหนังสือค้ำประกันการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การเปิดทำการบิน และข้อสังเกตอื่นไปพิจารณาในการจัดทำรายละเอียดด้วย
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--13 พฤศจิกายน 2538--
คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม ได้รายงานการจัดตั้ง สายการบินที่กำหนดสายที่สอง พอสรุปได้ดังนี้
1. สภาพแวดล้อมปัจจุบันและปัญหา
ในปัจจุบันปริมาณการจราจรทางอากาศของประเทศไทยรวมทั้งปริมาณจราจรของประเทศ ต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ มีอัตราการเจริญเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ประเทศไทยมีสายการบินของ รัฐเพียงสายเดียวเป็นสายการบินที่กำหนด ย่อมไม่เพียงพอต่อการให้การบริการ และไม่สอดคล้องกับ ความต้องการของสาธารณชนเกิดการเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศอื่นนอกจากนี้ การเสนอ บริการในตลาดที่มีปริมาณการจราจรหลายขนาด ต้องจัดหาอากาศยานหลายแบบมาใช้ในการบริหาร ทำให้ต้นทุนสูงในการจัดหาอากาศยานและปัญหาในการจัดหาบุคลลากรประจำหน้าที่รวมทั้งปัญหาการ ซ่อมบำรุง การเสนอบริการจึงไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร
2. แนวทางการแก้ปัญหาและผลกระทบ
จากนโยบายที่ให้สายการบินของรัฐ เป็นสายการบินที่กำหนดของประเทศเพียงสายเดียวเพื่อ เสนอบริการในทุกระดับของตลาด ซึ่งไม่อาจสนองความต้องการได้อย่างทั่วถึงสะท้อนให้เห็นว่านโยบาย ดังกล่าวไม่เหมาะสมกับตลาดการเงินของประเทศในปัจจุบันกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นว่าการมีสาย ที่สอง เพื่อมารองรับกับปริมาณการจราจร และแบ่งสรรการกำเนิดบริการในระดับที่เหมาะสม จะช่วย ให้การพัฒนาธุรกิจการบินของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้ศึกษากำหนดรูปแบบของสายการบิน ที่กำหนดสายที่สอง และเห็นว่ารูปแบบที่เหมาะสมคือให้บริษัทการบินเอกชนที่ทำธุรกิจการบินในปัจจุบันและ /หรือนิติบุคคล จัดตั้งบริษัทขึ้นมาอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อดำเนินกิจการเป็นสายการบินที่กำหนดสายที่สอง และ เมื่อบริษัทที่จะดำเนินกิจการเป็นสายการบินที่กำหนดสายที่สองได้จัดตั้งและดำเนินการไปเป็นระยะเวลา 4 ปีที่แล้ว จึงจะเปิดโอกาสให้เอกชนที่ยื่นคำขอให้ทางราชการพิจารณา เพื่อเป็นสายการบินที่กำหนดราย ต่อไป
นอกจากนี้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจอนุมัติในหลักการให้มีสายการบินที่กำหนดของ ประเทศสายที่สองซึ่งจะทำให้การบินทั้งภายในประเทศในภูมิภาค และระหว่างทวีป โดยให้กระทรวง คมนาคมจัดทำรายละเอียด (Term of Reference)เสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณา ต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตเกี่ยวกับหนังสือค้ำประกันการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การเปิดทำการบิน และข้อสังเกตอื่นไปพิจารณาในการจัดทำรายละเอียดด้วย
--ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ชุดนายบรรหาร ศิลปอาชา)--13 พฤศจิกายน 2538--