ทำเนียบรัฐบาล--10 ส.ค.--บิสนิวส์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม-แห่งชาติ (สศช.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้รายงานสถานการณ์ค้างชำระค่าก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. หนี้ค่าก่อสร้างที่รัฐวิสาหกิจเป็นหนี้ภาคธุรกิจเอกชน จากการติดตามรัฐวิสาหกิจที่สำคัญที่มีวงเงินค่าก่อสร้างสูงจำนวน 21 แห่ง (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2541) ปรากฏว่ารัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ (18 แห่ง) ไม่มีปัญหาค้างชำระ มีเพียง 3 แห่งที่มีปัญหาคือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เนื่องจากกรอบวงเงินเบิกจ่ายไม่เพียงพอเพราะเงินสดที่มีเพื่อใช้ในการลงทุน (Retained Income : RI) ลดลง (กฟน. และ กคช.) และมีการเพิ่มเติมรายการลงทุนในกรณีของ บขส.
อย่างไรก็ดี ในจำนวน 18 แห่งข้างต้น มีรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และการประปาส่วนภูมิภาค มีปัญหาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาในสัญญาได้ เนื่องจากผู้รับเหมาค้างงาน เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน
2. การขยายกรอบการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จากการประเมินผล ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2541 คาดว่า เมื่อสิ้นปีงบปะมาณ 2541 รัฐวิสาหกิจจะจัดหา RI ได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 15,348 ล้านบาท แต่เนื่องจากกระทรวงการคลังให้รัฐวิสาหกิจชะลอการนำส่งรายได้เข้ารัฐในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2541 วงเงินประมาณ 28,000 ล้านบาท ทำให้ RI ในภาพรวมของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนได้ตามเป้าหมายที่ได้รับอนุมัติไว้
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจบางแห่งมี RI เปลี่ยนแปลงลดลง แต่ยังคงมีความจำเป็นต้องจ่ายลงทุนตามเป้าหมายหรือเพิ่มเติมจากที่ได้รับอนุมัติไว้ เช่น กรณีของ การไฟฟ้านครหลวง การเคหะแห่งชาติ และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ก็สามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของ RI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ค้างชำระค่าก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจที่มีต่อผู้รับเหมาหมดไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 สิงหาคม 2541--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม-แห่งชาติ (สศช.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้รายงานสถานการณ์ค้างชำระค่าก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. หนี้ค่าก่อสร้างที่รัฐวิสาหกิจเป็นหนี้ภาคธุรกิจเอกชน จากการติดตามรัฐวิสาหกิจที่สำคัญที่มีวงเงินค่าก่อสร้างสูงจำนวน 21 แห่ง (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2541) ปรากฏว่ารัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ (18 แห่ง) ไม่มีปัญหาค้างชำระ มีเพียง 3 แห่งที่มีปัญหาคือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) เนื่องจากกรอบวงเงินเบิกจ่ายไม่เพียงพอเพราะเงินสดที่มีเพื่อใช้ในการลงทุน (Retained Income : RI) ลดลง (กฟน. และ กคช.) และมีการเพิ่มเติมรายการลงทุนในกรณีของ บขส.
อย่างไรก็ดี ในจำนวน 18 แห่งข้างต้น มีรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และการประปาส่วนภูมิภาค มีปัญหาไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาในสัญญาได้ เนื่องจากผู้รับเหมาค้างงาน เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน
2. การขยายกรอบการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จากการประเมินผล ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2541 คาดว่า เมื่อสิ้นปีงบปะมาณ 2541 รัฐวิสาหกิจจะจัดหา RI ได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 15,348 ล้านบาท แต่เนื่องจากกระทรวงการคลังให้รัฐวิสาหกิจชะลอการนำส่งรายได้เข้ารัฐในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2541 วงเงินประมาณ 28,000 ล้านบาท ทำให้ RI ในภาพรวมของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนได้ตามเป้าหมายที่ได้รับอนุมัติไว้
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่รัฐวิสาหกิจบางแห่งมี RI เปลี่ยนแปลงลดลง แต่ยังคงมีความจำเป็นต้องจ่ายลงทุนตามเป้าหมายหรือเพิ่มเติมจากที่ได้รับอนุมัติไว้ เช่น กรณีของ การไฟฟ้านครหลวง การเคหะแห่งชาติ และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) ก็สามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของ RI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ค้างชำระค่าก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจที่มีต่อผู้รับเหมาหมดไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 สิงหาคม 2541--