ทำเนียบรัฐบาล--17 พ.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (ยกเว้นภาษีอาการสำหรับโครงการปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนา แม่ฟ้าหลวง ฯ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีส่วนร่วมในโครงการปลูกป่า พระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง ฯ เพื่อการแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น โดยการร่วมกับปลูกต้นไม้ ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ต้นน้ำลำธาร และเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากรสำหรับเอกชนที่เข้าร่วมโครงการปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง ฯ ได้ทำนอง เดียวกับการบริจาคให้กองทุนปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาส ทรงครองราชย์ปีที่ 50 ดังนี้
1. กรณีบุคคลธรรมดา ปัจจุบันกฎหมายได้กำหนดไว้ในมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวล รัษฎากร ให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเป็นเงินให้มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้รับสิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากร ทำนองเดียวกันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยกเว้นภาษีในกรณีนี้ให้อีก
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2.1 ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไปให้นำเงินบริจาคให้กองทุนปลูกป่าพระราช ทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 หรือ ค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวมาหักออกจากกำไรสุทธิก่อนเสียภาษีได้เท่ากับจำนวนเงิน ที่บริจาคหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว
2.2 ในกรณีมูลนิธิหรือสมาคม ให้นำเงินบริจาคให้กองทุนปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้า หลวง เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 หรือค่าใช้จ่ายใน การปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวมาหักออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษีได้เท่ากับจำนวนเงินที่บริจาคหรือ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเงินบริจาคหรือค่าใช้จ่ายตามข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ที่นำมาหักในการลดหย่อนภาษี อากรได้นั้น ในแต่ละกรณีต้องไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท ต่อปี มีกำหนดเวลา 3 ปี ดังนี้
(1) กรณีบริจาคเงินให้กองทุนปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง เนื่องในวโรกาสที่ พระบาท-สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 ในระหว่างปี 2537 ถึง พ.ศ. 2539 ให้หักเป็น ค่าใช้จ่ายได้เท่ากับจำนวนเงินที่บริจาค
(2) กรณีดำเนิการปลูกป่าเอง ให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท เป็น เวลา 3 ปีติดต่อกัน โดยเริ่มปลูกตั้งแต่ พ.ศ. 2537 พ.ศ. 2538 หรือ พ.ศ. 2539 ดังนี้
ปีที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท
ปีที่ 2 เป็นเงิน 500 บาท
ปีที่ 3 เป็นเงิน 500 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 พฤษภาคม 2538--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (ยกเว้นภาษีอาการสำหรับโครงการปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนา แม่ฟ้าหลวง ฯ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีส่วนร่วมในโครงการปลูกป่า พระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง ฯ เพื่อการแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น โดยการร่วมกับปลูกต้นไม้ ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ต้นน้ำลำธาร และเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ จึงเห็นควรให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากรสำหรับเอกชนที่เข้าร่วมโครงการปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง ฯ ได้ทำนอง เดียวกับการบริจาคให้กองทุนปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาส ทรงครองราชย์ปีที่ 50 ดังนี้
1. กรณีบุคคลธรรมดา ปัจจุบันกฎหมายได้กำหนดไว้ในมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวล รัษฎากร ให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเป็นเงินให้มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ได้รับสิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากร ทำนองเดียวกันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยกเว้นภาษีในกรณีนี้ให้อีก
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2.1 ในกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั่วไปให้นำเงินบริจาคให้กองทุนปลูกป่าพระราช ทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 หรือ ค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวมาหักออกจากกำไรสุทธิก่อนเสียภาษีได้เท่ากับจำนวนเงิน ที่บริจาคหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว
2.2 ในกรณีมูลนิธิหรือสมาคม ให้นำเงินบริจาคให้กองทุนปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้า หลวง เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 หรือค่าใช้จ่ายใน การปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวมาหักออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษีได้เท่ากับจำนวนเงินที่บริจาคหรือ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเงินบริจาคหรือค่าใช้จ่ายตามข้อ 2.1 และข้อ 2.2 ที่นำมาหักในการลดหย่อนภาษี อากรได้นั้น ในแต่ละกรณีต้องไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท ต่อปี มีกำหนดเวลา 3 ปี ดังนี้
(1) กรณีบริจาคเงินให้กองทุนปลูกป่าพระราชทานชัยพัฒนาแม่ฟ้าหลวง เนื่องในวโรกาสที่ พระบาท-สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ปีที่ 50 ในระหว่างปี 2537 ถึง พ.ศ. 2539 ให้หักเป็น ค่าใช้จ่ายได้เท่ากับจำนวนเงินที่บริจาค
(2) กรณีดำเนิการปลูกป่าเอง ให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกินไร่ละ 3,000 บาท เป็น เวลา 3 ปีติดต่อกัน โดยเริ่มปลูกตั้งแต่ พ.ศ. 2537 พ.ศ. 2538 หรือ พ.ศ. 2539 ดังนี้
ปีที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท
ปีที่ 2 เป็นเงิน 500 บาท
ปีที่ 3 เป็นเงิน 500 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 พฤษภาคม 2538--