ทำเนียบรัฐบาล--2 มิ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์เสนอ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2536 เรื่อง โครงการจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตของสหกรณ์ โดยอนุมัติให้บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด สามารถขยายขอบเขตการถือหุ้นจากเดิม ซึ่งกำหนดให้สหกรณ์แต่ละสหกรณ์ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 0.1 ของหุ้นทั้งหมด เป็นไม่เกินร้อยละ 5 ของหุ้นทั้งหมด โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด เริ่มประกอบธุรกิจประกันชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2538 มีทุนจดทะเบียน 208.5 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี พ.ศ. 2538 มีเบื้ยประกันภัยรับ 15.02 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 11.01 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2539 มีเบี้ยประกันภัยรับ 56.43 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานขาดทุน 2.79 ล้านบาท
2. บริษัทฯ ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นการลงทุนระยะยาว ในระยะแรกจะต้องมีการลงทุนมากทั้งด้านสถานที่ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และการพัฒนาบริการ ผลการดำเนินงานระยะแรกอาจจะขาดทุน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าบริษัทฯ จะอยู่ที่จุดคุ้มทุนในปี 2541 และเริ่มมีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นไป ดังมีประมาณการผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี พ.ศ. 2540 มีเบี้ยประกันภัยรับ 100 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานขาดทุน 16.81 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2541 มีเบี้ยประกันภัยรับ 131.55 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานคุ้มทุน
ปี พ.ศ. 2542 มีเบี้ยประกันภัยรับ 164.04 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 5.18 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2543 มีเบี้ยประกันภัยรับ 199.10 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 9.96 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2544 มีเบี้ยประกันภัยรับ 238.16 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 14.82 ล้านบาท
3. เพื่อให้การดำเนินงานบรรบุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในข้อ 2 บริษัทฯ จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้สหกรณ์ขนาดใหญ่สามารถร่วมถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น โดยหลังจากบริษัทฯ ขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 208.5 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท และบริษัทฯ คาดว่าจะมีสหกรณ์ถือหุ้นครบจำนวนในปี พ.ศ. 2545 (ปัจจุบันมีสหกรณ์ทั้งประเทศจำนวน 5,179 สหกรณ์ ถือหุ้นในบริษัทฯ 2,254 สหกรณ์ คิดเป็นร้อยละ 43.52)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 มิถุนายน 2541--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์เสนอ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2536 เรื่อง โครงการจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตของสหกรณ์ โดยอนุมัติให้บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด สามารถขยายขอบเขตการถือหุ้นจากเดิม ซึ่งกำหนดให้สหกรณ์แต่ละสหกรณ์ถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 0.1 ของหุ้นทั้งหมด เป็นไม่เกินร้อยละ 5 ของหุ้นทั้งหมด โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด เริ่มประกอบธุรกิจประกันชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2538 มีทุนจดทะเบียน 208.5 ล้านบาท โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี พ.ศ. 2538 มีเบื้ยประกันภัยรับ 15.02 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 11.01 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2539 มีเบี้ยประกันภัยรับ 56.43 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานขาดทุน 2.79 ล้านบาท
2. บริษัทฯ ได้ชี้แจงว่า เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นการลงทุนระยะยาว ในระยะแรกจะต้องมีการลงทุนมากทั้งด้านสถานที่ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และการพัฒนาบริการ ผลการดำเนินงานระยะแรกอาจจะขาดทุน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ว่าบริษัทฯ จะอยู่ที่จุดคุ้มทุนในปี 2541 และเริ่มมีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นไป ดังมีประมาณการผลการดำเนินงาน ดังนี้
ปี พ.ศ. 2540 มีเบี้ยประกันภัยรับ 100 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานขาดทุน 16.81 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2541 มีเบี้ยประกันภัยรับ 131.55 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานคุ้มทุน
ปี พ.ศ. 2542 มีเบี้ยประกันภัยรับ 164.04 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 5.18 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2543 มีเบี้ยประกันภัยรับ 199.10 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 9.96 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2544 มีเบี้ยประกันภัยรับ 238.16 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานมีกำไรสุทธิ 14.82 ล้านบาท
3. เพื่อให้การดำเนินงานบรรบุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ในข้อ 2 บริษัทฯ จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้สหกรณ์ขนาดใหญ่สามารถร่วมถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น โดยหลังจากบริษัทฯ ขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 208.5 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท และบริษัทฯ คาดว่าจะมีสหกรณ์ถือหุ้นครบจำนวนในปี พ.ศ. 2545 (ปัจจุบันมีสหกรณ์ทั้งประเทศจำนวน 5,179 สหกรณ์ ถือหุ้นในบริษัทฯ 2,254 สหกรณ์ คิดเป็นร้อยละ 43.52)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 มิถุนายน 2541--