1. กำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง ในลักษณะการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่สมาชิกของ กอช. จ่ายเป็นเงินสะสมเข้า กอช. ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะทำนองเดียวกันแล้วต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด
2. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกของ กอช. หรือบุคคลซึ่งสมาชิกของ กอช. ได้แสดงเจตนาไว้แก่ กอช. หรือทายาทของสมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สมาชิกของ กอช. สิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ หรือมีกฎหมายกำหนดให้การสิ้นสมาชิกภาพเพราะเหตุอื่นถือว่าเป็นการสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ หรือสิ้นสมาชิกภาพเพราะตาย
3. ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่ทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามข้อ 1 – 3 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
4. ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการของ กอช.
5. ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารของ กอช.
อนึ่ง สำหรับผลประโยชน์ของเงินสะสมที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน เห็นควรให้รวมคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับการลาออกจากกองทุนอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลัง รายงานว่า
1. เนื่องจาก กอช. มีวัตถุประสงค์และลักษณะการดำเนินการคล้ายคลึงกับกองทุนบำเหน็จบำนาญช้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กสล.) และกองทุนประกันสังคมกล่าวคือ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมของประชาชนให้มีหลักประกันรายได้ระดับพื้นฐานในวัยสูงอายุ สมาชิก กอช. สมควรได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในทำนองเดียวกันกับสมาชิก กบข. สมาชิก กสล. และสมาชิกกองทุนประกันสังคม นอกจากนี้ หากการดำเนินการของ กอช. ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่เป็นการทำธุรกรรมทางการเงินมีต้นทุนที่ต่ำจะช่วยเพิ่มผลประโยชน์ที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. อันเป็นการช่วยเหลือสมาชิกของ กอช. โดยเฉพาะสมาชิกที่มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพียงพอยิ่งขึ้นแก่การดำรงชีพในยามชราภาพ
2. สมาชิกของ กอช. จะได้รับเงินหรือผลประโยชน์จาก กอช. ดังนี้
2.1 เงินบำนาญในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (มาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติฯ)
2.2 เงินดำรงชีพในกรณีที่เงินบำนาญ มีจำนวนน้อยกว่าจำนวนเงินบำนาญขั้นต่ำที่กำหนดโดยกฎกระทรวง (มาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติฯ)
2.3 เงินสะสม เงินสมทบของรัฐบาล และผลประโยชน์ของเงินสะสมและเงินสมทบของรัฐบาลในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะตายก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ โดยจ่ายให้แก่บุคคลที่สมาชิกแสดงเจตนาไว้ต่อกองทุนหรือทายาทของสมาชิก (มาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติฯ)
2.4 เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วนในกรณีที่ทุพพลภาพก่อน อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ)
2.5 เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน (มาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ)
2.6 เงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมในกรณีที่สมาชิกของ กอช. เป็นสมาชิกกองทุนหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นก่อนสิ้นสมาชิกภาพ และได้คงการเป็นสมาชิกของ กอช. ต่อไปโดยได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ตอบแทนของเงินสะสมเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ กล่าวคือ อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์หรือตายหรือลาออกจากกองทุน ((มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ)
2.7 เงินชดเชยกรณีสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์หรือตาย แต่ในวันที่สิ้นสมาชิกภาพนั้นผลประโยชน์ของเงินสะสมและเงินสมทบของรัฐบาลที่ได้รับตลอดช่วงอายุการเป็นสมาชิกคำนวณได้น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน โดยเฉลี่ยของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ 5 แห่ง โดยเงินชดเชยจะเท่ากับผลต่างระหว่างผลประโยชน์ของเงินสะสมและเงินสมทบของรัฐบาลดังกล่าวกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่คำนวณได้ (มาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 ตุลาคม 2558--