1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
2. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2545 ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 [เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน] ต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และแก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมาย
1.1 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยและเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (ซึ่งเดิมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม)
1.2 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย (ซึ่งเดิมเป็นปลัดกระทรวงวัฒนธรรม) และเพิ่มผู้แทนปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนกรมการศาสนา ผู้แทนสำนักจุฬาราชมนตรี ผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และผู้แทนบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย
2. ให้อธิบดีกรมการปกครองเป็นเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย และให้กรมการปกครองทำหน้าที่สำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย (ซึ่งเดิมเป็นภารกิจของกรมการศาสนา)
3. ให้โอนบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน และกองทุนสำหรับผู้เดินทางไปประกอบกิจการฮัจย์ ของกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ไปเป็นกองส่งเสริมกิจการฮัจย์ที่จะได้จัดตั้งขึ้นในกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 ตุลาคม 2558--