ทำเนียบรัฐบาล--2 พ.ย.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างกฎ ก.ค. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ได้กำหนดเรื่องสิทธิของผุ้อุทธรณ์ หลักเกณฑ์และวิธีการในการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์โดยอนุโลมตามกฎ ก.พ. ฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2540) ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญไว้แล้วทั้งหมด จึงสอดคล้องและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับกฎ ก.พ. แล้ว โดยร่างกฎ ก.ค. ดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ได้กำหนดระยะเวลาที่จะอุทธรณคำสั่งลงโทษไว้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยกำหนดให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ผู้ถูกลงโทษได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งลงโทษหรือนับแต่วันที่ถือว่าได้ทราบคำสั่งลงโทษ (ตามกฎ ก.พ. ไม่ได้ระบุระยะเวลาในการอุทธรณ์ไว้ แต่มีระบุไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 125, 126 ว่าให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง)
2. ผู้อุทธรณ์มีสิทธิขอแถลงการณ์ด้วยวาจาในชั้นพิจารณาของ อ.ก.ค. หรือ ก.ต. ได้ แต่การที่จะอนุญาตให้แถลงการณ์ด้วยวาจาหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของ อ.ก.ค. หรือ ก.ค. ซึ่งถ้าหากเห็นว่าไม่จำเป็นแก่การพิจารณาอุทธรณ์ จะสั่งงดการแถลงการณ์ด้วยวาจานั้นเสียก็ได้ (ตรงกับ กฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคสอง, ข้อ 17)
3. ได้กำหนดว่าข้าราชการครูในสังกัดใดถ้าจะอุทธรณ์คำสั่งลงโทษสถานใด จะต้องอุทธรณ์ต่อองค์กรใด ซึ่งได้ระบุให้ชัดเจนขึ้น โดยเทียบเคียงอำนาจและหน้าที่ขององค์กรที่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ มาจากบทบัญญัติในมาตรา 125 และมาตรา 126 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
4. ผู้อุทธรณ์มีสิทธิขอตรวจหรือคัดรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนหรือของผู้สอบสวนได้ ซึ่งกรณีนี้ผู้บังคับบัญชาผู้สั่งลงโทษต้องอนุญาตให้ตรวจหรือคัดรายงานการสอบสวน ทั้งนี้เพื่อผู้อุทธรณ์จะได้มีโอกาสทราบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อที่จะแก้อุทธรณ์ได้อย่างเต็มที่ สำหรับกรณีการขอตรวจหรือคัดบันทึกถ้อยคำบุคคล พยานหลักฐานอื่น หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้อยู่ในดุลพินิจของบุคคลดังกล่าวที่จะอนุญาตหรือไม่ก็ได้
5. ถ้ามีการนัดให้ผู้อุทธรณ์มาแถลงการณ์ด้วยวาจา ได้กำหนดให้มีการแจ้งผู้บังคับบัญชาที่สั่งลงโทษหรือเพิ่มโทษทราบวันเวลาที่จะพิจารณาอุทธรณ์ด้วยเพื่อให้มาแถลงแก้ โดยอาจจะตั้งตัวแทนให้มาแถลงแก้แทนก็ได้ (ตรงกับ กฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคสาม)
6. แม้จะมีการถอนอุทธรณ์ไปแล้ว ผู้อุทธรณ์จะยื่นอุทธรณ์ใหม่อีกก็ได้ หากปรากฏว่ายังไม่พ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผู้อุทธรณ์ได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งลงโทษ หรือวันที่ถือว่าได้ทราบคำสั่งลงโทษ (ตาม กฎ ก.พ. ไม่ได้กำหนดว่าถ้าถอนอุทธรณ์ไปแล้วจะยื่นใหม่อีกได้หรือไม่)
7. ได้กำหนดว่าผู้อุทธรณ์มีสิทธิที่จะคัดค้านผู้พิจารณาอุทธรณ์ได้ โดยได้เพิ่มตัวบุคคลที่อาจถูกคัดค้านขึ้นจากที่กฎ ก.พ.ได้กำหนดไว้ คือ รองประธานกรรมการ เนื่องจากตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 มาตรา 6 วรรคสอง ได้กำหนดให้ ก.ค.เลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นรองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการจึงเป็นกรรมการใน ก.ค. ที่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ได้ ซึ่งอาจจะถูกคัดค้านได้ถ้าหากมีเหตุตามที่กำหนดไว้ในร่างกฎ ก.ค. ข้อ 13 (ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 6 ไม่ได้กำหนดให้มีตำแหน่งรองประธานกรรมการใน ก.พ.)
8. ถ้าการกระทำผิดวินัยที่อุทธรณ์นั้น มีบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีกับผู้อุทธรณ์ ตามร่างกฎ ก.ค. ข้อ 14 วรรคสอง ได้กำหนดให้มีการแจ้งให้บุคคลนั้นมาให้ถ้อยคำ หรือชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาของ อ.ก.ค. หรือ ก.ค. ด้วย เป็นการบัญญัติเพิ่มขึ้นตามข้อสังเกตตามมติของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการพิจารณาการดำเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ของข้าราชการครู ครั้งที่ 1/2541 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2541 ที่เห็นว่าตามกฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคหนึ่ง ได้กำหนดว่าผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์อาจใช้ดุลพินิจเรียกบุคคลใดรวมถึงผู้ที่เสียหายมาให้ถ้อยคำหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่มีลักษณะเป็นบทบังคับให้เป็นหน้าที่ที่จะต้องแจ้งให้ผู้ที่เสียหายมาแถลง ดังนั้นจึงเห็นว่าเพื่อให้บุคคลที่เป็นคู่กรณีกับผู้อุทธรณ์มีโอกาสได้เข้ามาแถลงถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อรักษาสิทธิของเขา จึงสมควรกำหนดให้มีการแจ้งให้ทราบถึงกำหนดวันเวลาที่จะพิจารณาอุทธรณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 พฤศจิกายน 2542--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างกฎ ก.ค. ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ ได้กำหนดเรื่องสิทธิของผุ้อุทธรณ์ หลักเกณฑ์และวิธีการในการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์โดยอนุโลมตามกฎ ก.พ. ฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2540) ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญไว้แล้วทั้งหมด จึงสอดคล้องและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับกฎ ก.พ. แล้ว โดยร่างกฎ ก.ค. ดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ได้กำหนดระยะเวลาที่จะอุทธรณคำสั่งลงโทษไว้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยกำหนดให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ผู้ถูกลงโทษได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งลงโทษหรือนับแต่วันที่ถือว่าได้ทราบคำสั่งลงโทษ (ตามกฎ ก.พ. ไม่ได้ระบุระยะเวลาในการอุทธรณ์ไว้ แต่มีระบุไว้ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 125, 126 ว่าให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง)
2. ผู้อุทธรณ์มีสิทธิขอแถลงการณ์ด้วยวาจาในชั้นพิจารณาของ อ.ก.ค. หรือ ก.ต. ได้ แต่การที่จะอนุญาตให้แถลงการณ์ด้วยวาจาหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของ อ.ก.ค. หรือ ก.ค. ซึ่งถ้าหากเห็นว่าไม่จำเป็นแก่การพิจารณาอุทธรณ์ จะสั่งงดการแถลงการณ์ด้วยวาจานั้นเสียก็ได้ (ตรงกับ กฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคสอง, ข้อ 17)
3. ได้กำหนดว่าข้าราชการครูในสังกัดใดถ้าจะอุทธรณ์คำสั่งลงโทษสถานใด จะต้องอุทธรณ์ต่อองค์กรใด ซึ่งได้ระบุให้ชัดเจนขึ้น โดยเทียบเคียงอำนาจและหน้าที่ขององค์กรที่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ มาจากบทบัญญัติในมาตรา 125 และมาตรา 126 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
4. ผู้อุทธรณ์มีสิทธิขอตรวจหรือคัดรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนหรือของผู้สอบสวนได้ ซึ่งกรณีนี้ผู้บังคับบัญชาผู้สั่งลงโทษต้องอนุญาตให้ตรวจหรือคัดรายงานการสอบสวน ทั้งนี้เพื่อผู้อุทธรณ์จะได้มีโอกาสทราบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อที่จะแก้อุทธรณ์ได้อย่างเต็มที่ สำหรับกรณีการขอตรวจหรือคัดบันทึกถ้อยคำบุคคล พยานหลักฐานอื่น หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้อยู่ในดุลพินิจของบุคคลดังกล่าวที่จะอนุญาตหรือไม่ก็ได้
5. ถ้ามีการนัดให้ผู้อุทธรณ์มาแถลงการณ์ด้วยวาจา ได้กำหนดให้มีการแจ้งผู้บังคับบัญชาที่สั่งลงโทษหรือเพิ่มโทษทราบวันเวลาที่จะพิจารณาอุทธรณ์ด้วยเพื่อให้มาแถลงแก้ โดยอาจจะตั้งตัวแทนให้มาแถลงแก้แทนก็ได้ (ตรงกับ กฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคสาม)
6. แม้จะมีการถอนอุทธรณ์ไปแล้ว ผู้อุทธรณ์จะยื่นอุทธรณ์ใหม่อีกก็ได้ หากปรากฏว่ายังไม่พ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ผู้อุทธรณ์ได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งลงโทษ หรือวันที่ถือว่าได้ทราบคำสั่งลงโทษ (ตาม กฎ ก.พ. ไม่ได้กำหนดว่าถ้าถอนอุทธรณ์ไปแล้วจะยื่นใหม่อีกได้หรือไม่)
7. ได้กำหนดว่าผู้อุทธรณ์มีสิทธิที่จะคัดค้านผู้พิจารณาอุทธรณ์ได้ โดยได้เพิ่มตัวบุคคลที่อาจถูกคัดค้านขึ้นจากที่กฎ ก.พ.ได้กำหนดไว้ คือ รองประธานกรรมการ เนื่องจากตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2523 มาตรา 6 วรรคสอง ได้กำหนดให้ ก.ค.เลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นรองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการจึงเป็นกรรมการใน ก.ค. ที่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ได้ ซึ่งอาจจะถูกคัดค้านได้ถ้าหากมีเหตุตามที่กำหนดไว้ในร่างกฎ ก.ค. ข้อ 13 (ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 6 ไม่ได้กำหนดให้มีตำแหน่งรองประธานกรรมการใน ก.พ.)
8. ถ้าการกระทำผิดวินัยที่อุทธรณ์นั้น มีบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีกับผู้อุทธรณ์ ตามร่างกฎ ก.ค. ข้อ 14 วรรคสอง ได้กำหนดให้มีการแจ้งให้บุคคลนั้นมาให้ถ้อยคำ หรือชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาของ อ.ก.ค. หรือ ก.ค. ด้วย เป็นการบัญญัติเพิ่มขึ้นตามข้อสังเกตตามมติของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการพิจารณาการดำเนินการทางวินัย การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ของข้าราชการครู ครั้งที่ 1/2541 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2541 ที่เห็นว่าตามกฎ ก.พ. ข้อ 12 วรรคหนึ่ง ได้กำหนดว่าผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์อาจใช้ดุลพินิจเรียกบุคคลใดรวมถึงผู้ที่เสียหายมาให้ถ้อยคำหรือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่มีลักษณะเป็นบทบังคับให้เป็นหน้าที่ที่จะต้องแจ้งให้ผู้ที่เสียหายมาแถลง ดังนั้นจึงเห็นว่าเพื่อให้บุคคลที่เป็นคู่กรณีกับผู้อุทธรณ์มีโอกาสได้เข้ามาแถลงถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อรักษาสิทธิของเขา จึงสมควรกำหนดให้มีการแจ้งให้ทราบถึงกำหนดวันเวลาที่จะพิจารณาอุทธรณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 พฤศจิกายน 2542--