1. ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปรับคนพิการที่สามารถทำงานได้เข้าทำงานตามมาตรา 33 หรือให้สัมปทานตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการพ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ให้ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด ภายในปีงบประมาณ 2561
2. ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปรายงานผลการปฏิบัติหรือนำเสนอแผนการดำเนินงานทุก 1 ปี โดยให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พม. เป็นผู้รวบรวมรายงานผลการดำเนินงานเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รายงานว่า
1. สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ โดยในปี 2556 มีหน่วยงานของรัฐที่มีจำนวนผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปจำนวน 290 หน่วยงาน ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวจำนวน 218 หน่วยงาน โดย จ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 จำนวน 1,080 คน ให้สัมปทานตามมาตรา 35 จำนวน 376 คน รวมเป็นจำนวน 1,456 คน จากจำนวนที่ต้องจ้างคนพิการตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด จำนวน 10,929 คน คิดเป็นร้อยละ 13.32
2. พม. ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดในหลายรูปแบบ ทั้งการมีหนังสือแจ้งให้ปฏิบัติและการจัดประชุมชี้แจงในทุกปี และได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ และแนวทางการจัดให้สัมปทานตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติและว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้สัมปทานจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 โดยมีแนวทางในการจัดให้สัมปทานแทนการจ้างงานคนพิการได้ถึง 7 วิธี ดังนั้น หน่วยงานของรัฐที่มีจำนวนผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปและต้องจ้างงานคนพิการ เข้าทำงานตามกฎหมายจึงสามารถนำแนวทางดังกล่าวไปวางแผนดำเนินการตามกฎหมายภายในปีงบประมาณ 2561 ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 ตุลาคม 2558--