คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่าเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ.2547 มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2547 โดยมาตรา 133 กำหนดว่า ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราช-กฤษฎีกาหรือ ก.ค.ศ. ยังมิได้ออกกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ฯลฯ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้นำพระราชกฤษฎีกา กฎ ก.พ. กฎ ก.ค. มติ ก.พ. ก.ค. ฯลฯ ซึ่งใช้บังคับอยู่เดิมมาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่เนื่องจากกฎ ก.ค. ฉบับที่ 16 (พ.ศ.2539) ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งว่าที่ใช้บังคับอยู่เดิมยังไม่สอดคล้องกับการดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 จึงได้เสนอร่างกฎ ก.ค.ศ. ตามกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอร่างกฏ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ... มาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฏ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ
กำหนดกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งที่ผู้บังคับจะดำเนินการทางวินัยโดยไม่สอบสวนก็ได้ ทั้งนี้ จะต้องเข้าลักษณะความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ดังนี้
1. ลักษณะความผิดที่ปรากฏแจ้งซึ่งเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง คือ
(1) กระทำความผิดอาญาจนต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นกระทำผิดและผู้บังคับบัญชาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามคำพิพากษานั้นได้ความประจักษ์ชัดอยู่แล้ว และ
(2) กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนและได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพเป็นหนังสือ
2. ลักษณะความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งซึ่งเป็นความผิดวินัยร้ายแรง คือ
(1) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือหนักว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(2) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน และผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการสืบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือเห็นว่ามีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
(3) กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนและได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพไว้เป็นหนังสือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 พฤศจิกายน 2548--จบ--
กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่าเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ.2547 มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2547 โดยมาตรา 133 กำหนดว่า ในระหว่างที่ยังมิได้ตราพระราช-กฤษฎีกาหรือ ก.ค.ศ. ยังมิได้ออกกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ฯลฯ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้นำพระราชกฤษฎีกา กฎ ก.พ. กฎ ก.ค. มติ ก.พ. ก.ค. ฯลฯ ซึ่งใช้บังคับอยู่เดิมมาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่เนื่องจากกฎ ก.ค. ฉบับที่ 16 (พ.ศ.2539) ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งว่าที่ใช้บังคับอยู่เดิมยังไม่สอดคล้องกับการดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 จึงได้เสนอร่างกฎ ก.ค.ศ. ตามกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอร่างกฏ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ... มาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฏ ก.ค.ศ. ว่าด้วยกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ
กำหนดกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งที่ผู้บังคับจะดำเนินการทางวินัยโดยไม่สอบสวนก็ได้ ทั้งนี้ จะต้องเข้าลักษณะความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ดังนี้
1. ลักษณะความผิดที่ปรากฏแจ้งซึ่งเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง คือ
(1) กระทำความผิดอาญาจนต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นกระทำผิดและผู้บังคับบัญชาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามคำพิพากษานั้นได้ความประจักษ์ชัดอยู่แล้ว และ
(2) กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนและได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพเป็นหนังสือ
2. ลักษณะความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งซึ่งเป็นความผิดวินัยร้ายแรง คือ
(1) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือหนักว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(2) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน และผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการสืบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือเห็นว่ามีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
(3) กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนและได้มีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพไว้เป็นหนังสือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 พฤศจิกายน 2548--จบ--