คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ การลงนามปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และปากีสถาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในฐานะประธานคณะกรรมการประจำอาเซียน เป็นผู้ลงนามปฏิญญา ฯ ในนามของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยหากมีการแก้ไขปฏิญญา ฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทย ขอให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาแก้ไขร่างปฏิญญา ฯ ทั้งสามฉบับดังกล่าวได้
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และปากีสถานได้เสนอร่างปฏิญญา ร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างอาเซียนกับประเทศทั้งสามข้างต้นตามลำดับ (ASEAN-Republic of Korea/ASEAN-New Zealand/ASEAN-Pakistan Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) ให้ฝ่ายอาเซียนพิจารณา และกำหนดจะมีการลงนามในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจา (Post Ministerial Conference/PMC) ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2548 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ในฐานะประธานคณะกรรมการประจำอาเซียน สมัยที่ 38) จะเป็นผู้ลงนามร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และปากีสถานตามลำดับ
อาเซียนได้ปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญา ฯ ทั้งสามฉบับ เพื่อให้มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ขึ้น โดยใช้ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งได้เคยลงนามไปก่อนหน้านี้ เช่น ออสเตรเลีย รัสเซีย ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นต้นแบบ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของไทยสำหรับกรอบการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ได้เห็นชอบต่อร่างปฏิญญา ฯ ทั้งสามฉบับแล้ว
โดยร่างปฏิญญา ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันความสำคัญของการมีกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกัน ขัดขวาง และต่อต้าน การก่อการร้ายสากล โดยการแลกเปลี่ยนข่าวสารและข่าวกรองและการเสริมสร้างขีดความสามารถของทั้งสองฝ่าย
2. ขอบเขตและสาขาของความร่วมมือ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ส่งเสริมมาตรการในการต่อต้านและป้องกันการให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย ส่งเสริมความร่วมมือในการเฝ้าระหว่างชายแดนเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยในการขนส่ง ต่อต้านการก่อการร้ายในระดับพหุภาคีในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ พัฒนาความร่วมมือกับศูนย์ฝึกอบรมด้านการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วในไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
3. การมีส่วนร่วม ขอให้ประเทศที่ร่วมในปฏิญญาเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ทั้ง 12 ฉบับ และแต่งตั้งหน่วยงานหลักเพื่อประสานการดำเนินการตามปฏิญญา ฯ และประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
4. การเปิดเผยข่าวสาร จะไม่เปิดเผยหรือแจกจ่ายข่าวสารเอกสารหรือข้อมูลลับแก่ฝ่ายที่สาม เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากประเทศที่ให้ข่าวสารดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และปากีสถานได้เสนอร่างปฏิญญา ร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างอาเซียนกับประเทศทั้งสามข้างต้นตามลำดับ (ASEAN-Republic of Korea/ASEAN-New Zealand/ASEAN-Pakistan Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) ให้ฝ่ายอาเซียนพิจารณา และกำหนดจะมีการลงนามในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจา (Post Ministerial Conference/PMC) ระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2548 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ในฐานะประธานคณะกรรมการประจำอาเซียน สมัยที่ 38) จะเป็นผู้ลงนามร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และปากีสถานตามลำดับ
อาเซียนได้ปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญา ฯ ทั้งสามฉบับ เพื่อให้มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ขึ้น โดยใช้ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งได้เคยลงนามไปก่อนหน้านี้ เช่น ออสเตรเลีย รัสเซีย ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นต้นแบบ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของไทยสำหรับกรอบการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ได้เห็นชอบต่อร่างปฏิญญา ฯ ทั้งสามฉบับแล้ว
โดยร่างปฏิญญา ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันความสำคัญของการมีกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกัน ขัดขวาง และต่อต้าน การก่อการร้ายสากล โดยการแลกเปลี่ยนข่าวสารและข่าวกรองและการเสริมสร้างขีดความสามารถของทั้งสองฝ่าย
2. ขอบเขตและสาขาของความร่วมมือ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ส่งเสริมมาตรการในการต่อต้านและป้องกันการให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย ส่งเสริมความร่วมมือในการเฝ้าระหว่างชายแดนเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยในการขนส่ง ต่อต้านการก่อการร้ายในระดับพหุภาคีในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ พัฒนาความร่วมมือกับศูนย์ฝึกอบรมด้านการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วในไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
3. การมีส่วนร่วม ขอให้ประเทศที่ร่วมในปฏิญญาเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ทั้ง 12 ฉบับ และแต่งตั้งหน่วยงานหลักเพื่อประสานการดำเนินการตามปฏิญญา ฯ และประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
4. การเปิดเผยข่าวสาร จะไม่เปิดเผยหรือแจกจ่ายข่าวสารเอกสารหรือข้อมูลลับแก่ฝ่ายที่สาม เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากประเทศที่ให้ข่าวสารดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--