ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจลีสซิ่ง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ร่างพระราช-บัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีกฎหมายเฉพาะเพื่อใช้กำกับดูแล ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจลีสซิ่ง ให้มีบทบาทสนับสนุนภาคการผลิตและบริการ อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจลีสซิ่ง พ.ศ. …. มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดนิยามศัพท์ "ธุรกิจลิสซิ่ง" และศัพท์เฉพาะสำหรับธุรกิจลีสซิ่ง เพื่อให้มีความแตกต่างจากธุรกิจประเภทเช่าซื้อและเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
3. กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งที่ต้องการยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียน โดยต้องเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และมีทุนจดทะเบียนที่ได้รับชำระแล้วไม่น้อยกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยต้องไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
4. สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
4.1 ผู้ให้เช่า มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ผู้เช่าให้ตรงตามสัญญาสีสซิ่ง และต้องจัดให้ผู้เช่าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าอย่างปกติสุข นอกจากนั้น ยังมีสิทธิบอกเลิกสัญญาสีสซิ่งได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
4.2 ผู้เช่า มีหน้าที่ในการใช้สอยและบำรุงรักษาทรัพย์สินที่เช่าเช่นเดียวกับทรัพย์สินของตนเอง และไม่อาจนำทรัพย์สินดังกล่าวออกให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิประการอื่นได้เว้นแต่ผู้ให้เช่ายินยอม รวมถึงต้องส่งมอบทรัพย์สินคืนให้กับผู้ให้เช่าเมื่อสัญญาสีสซิ่งสิ้นสุดเว้นแต่จะมีการเช่าต่อหรือผู้เช่าตกลงซื้อทรัพย์สินนั้น
5. นายทะเบียนสามารถเพิกถอนทะเบียนธุรกิจลีสซิ่งได้เมื่อเห็นว่าคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งไม่เป็นไปตามที่กำหนด และกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะขอเลิกกิจการให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน โดยทั้งผู้ถูกถอนทะเบียนและเลิกประกอบธุรกิจจะต้องส่งคืนทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนทะเบียนหรืออนุมัติให้ยกเลิกทะเบียน
6. ผู้ถูกเพิกถอนหรือผู้ได้รับอนุมัติให้ยกเลิกทะเบียนการประกอบธุรกิจลีสซิ่งหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะมีการปฏิบัติให้ถูกต้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจลีสซิ่ง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ร่างพระราช-บัญญัติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีกฎหมายเฉพาะเพื่อใช้กำกับดูแล ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจลีสซิ่ง ให้มีบทบาทสนับสนุนภาคการผลิตและบริการ อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจลีสซิ่ง พ.ศ. …. มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดนิยามศัพท์ "ธุรกิจลิสซิ่ง" และศัพท์เฉพาะสำหรับธุรกิจลีสซิ่ง เพื่อให้มีความแตกต่างจากธุรกิจประเภทเช่าซื้อและเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
3. กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งที่ต้องการยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียน โดยต้องเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และมีทุนจดทะเบียนที่ได้รับชำระแล้วไม่น้อยกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยต้องไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
4. สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
4.1 ผู้ให้เช่า มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ผู้เช่าให้ตรงตามสัญญาสีสซิ่ง และต้องจัดให้ผู้เช่าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าอย่างปกติสุข นอกจากนั้น ยังมีสิทธิบอกเลิกสัญญาสีสซิ่งได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
4.2 ผู้เช่า มีหน้าที่ในการใช้สอยและบำรุงรักษาทรัพย์สินที่เช่าเช่นเดียวกับทรัพย์สินของตนเอง และไม่อาจนำทรัพย์สินดังกล่าวออกให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิประการอื่นได้เว้นแต่ผู้ให้เช่ายินยอม รวมถึงต้องส่งมอบทรัพย์สินคืนให้กับผู้ให้เช่าเมื่อสัญญาสีสซิ่งสิ้นสุดเว้นแต่จะมีการเช่าต่อหรือผู้เช่าตกลงซื้อทรัพย์สินนั้น
5. นายทะเบียนสามารถเพิกถอนทะเบียนธุรกิจลีสซิ่งได้เมื่อเห็นว่าคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งไม่เป็นไปตามที่กำหนด และกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะขอเลิกกิจการให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียน โดยทั้งผู้ถูกถอนทะเบียนและเลิกประกอบธุรกิจจะต้องส่งคืนทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนทะเบียนหรืออนุมัติให้ยกเลิกทะเบียน
6. ผู้ถูกเพิกถอนหรือผู้ได้รับอนุมัติให้ยกเลิกทะเบียนการประกอบธุรกิจลีสซิ่งหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 3,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะมีการปฏิบัติให้ถูกต้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-