ทำเนียบรัฐบาล--7 พ.ย..--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไข และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อรองรับแนวนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดให้รัฐพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 78 เพื่อส่งเสริมการรับรู้สารสนเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศโดยรวม ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันในชุมชนทุกท้องที่ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษาวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ต่อประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ เด็ก คนชรา และผู้ด้อยโอกาสในสังคม
2. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า "คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ" เรียกโดยย่อว่า"กทสช." โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้คณะกรรมการฯ มีคุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้
3. ให้มีสำนักงานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบที่แตกต่างจากระบบราชการเพื่อให้เกิดความคล่องตัวภายใต้นโยบายของคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการฯ โดยมีเลขาธิการเป็นผู้บริหารมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี แต่จะดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกันไม่ได้
4. ให้คณะกรรมการฯ จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศแห่งชาติทุก 3 ปี เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีตามกรอบแผนแม่บทถ่ายทอดเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการใช้โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ
5. ในการดำเนินการของคณะกรรมการฯ อาจขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชน หรือบุคคลใด เสนอรายละเอียดทางวิชาการ การเงิน สถิติ และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศได้
6. ให้คณะกรรมการฯ จัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงาน โดยให้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ จัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อเป็นแนวทางให้ชุมชนนำไปพิจารณาใช้ประเมินผลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศตามความเหมาะสมของชุมชน
7. ในกรณีที่ประชาชนท้องถิ่นใดเห็นว่าชุมชนของตนมีความพร้อมในการพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ อาจรวบรวมรายชื่ออย่างน้อยห้าสิบคนดำเนินการจัดทำคำร้องเพื่อเสนอขอให้มีการพิจารณาแนวทาง และรูปแบบที่เป็นไปได้ในการพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศในชุมชน โดยให้ยื่นคำร้องต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
8. ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงานเรียกว่า "กองทุนส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ" เพื่อใช้จ่ายในกิจการที่กำหนดไว้ โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน
9. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ และให้ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ การโอนบรรดากิจการทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และงบประมาณ และในส่วนที่เกี่ยวกับพนักงานและลูกจ้าง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไข และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อรองรับแนวนโยบายแห่งรัฐที่กำหนดให้รัฐพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 78 เพื่อส่งเสริมการรับรู้สารสนเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วประเทศโดยรวม ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1. รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันในชุมชนทุกท้องที่ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษาวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ต่อประชาชนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ เด็ก คนชรา และผู้ด้อยโอกาสในสังคม
2. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า "คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ" เรียกโดยย่อว่า"กทสช." โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้คณะกรรมการฯ มีคุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้
3. ให้มีสำนักงานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โดยมีระบบที่แตกต่างจากระบบราชการเพื่อให้เกิดความคล่องตัวภายใต้นโยบายของคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการฯ โดยมีเลขาธิการเป็นผู้บริหารมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี แต่จะดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกันไม่ได้
4. ให้คณะกรรมการฯ จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศแห่งชาติทุก 3 ปี เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีตามกรอบแผนแม่บทถ่ายทอดเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการใช้โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ
5. ในการดำเนินการของคณะกรรมการฯ อาจขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชน หรือบุคคลใด เสนอรายละเอียดทางวิชาการ การเงิน สถิติ และเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศได้
6. ให้คณะกรรมการฯ จัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงาน โดยให้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ จัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อเป็นแนวทางให้ชุมชนนำไปพิจารณาใช้ประเมินผลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศตามความเหมาะสมของชุมชน
7. ในกรณีที่ประชาชนท้องถิ่นใดเห็นว่าชุมชนของตนมีความพร้อมในการพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ อาจรวบรวมรายชื่ออย่างน้อยห้าสิบคนดำเนินการจัดทำคำร้องเพื่อเสนอขอให้มีการพิจารณาแนวทาง และรูปแบบที่เป็นไปได้ในการพัฒนาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศในชุมชน โดยให้ยื่นคำร้องต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
8. ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงานเรียกว่า "กองทุนส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ" เพื่อใช้จ่ายในกิจการที่กำหนดไว้ โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน
9. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ทำหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ และให้ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ การโอนบรรดากิจการทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และงบประมาณ และในส่วนที่เกี่ยวกับพนักงานและลูกจ้าง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543--
-สส-