ทำเนียบรัฐบาล--4 เม.ย.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในการจ้างเอกชนทำการสำรวจและทำแผนที่ พ.ศ. …. และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 ให้มีการแก้ไขกฎ ระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบบสารสนเทศของภูมิศาสตร์
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิก "ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติเกี่ยวกับการจ้างเอกชนทำการสำรวจและทำแผนที่ พ.ศ. 2534"
2. ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ
3. ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับแก่การสำรวจเพื่อค้นหาหรือช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบอุบัติเหตุตกในประเทศหรือเรือที่อับปางในน่านน้ำอาณาเขต ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
4. ให้เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม รักษาการตามระเบียบนี้
5. ส่วนราชการใดมีความประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อหาข้อมูลทางแผนที่หรือเพื่อการทำแผนที่ แต่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ให้ติดต่อขอให้กรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์แล้วแต่กรณี ถ้ากรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์ไม่สามารถให้การสนับสนุนได้ จะจ้างเอกชนเป็นผู้ดำเนินการก็ได้ การดำเนินการจ้างเอกชนดังกล่าว ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างทำรายงานเสนอต่อกรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์ แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการขออนุญาตต่อกระทรวงกลาโหมต่อไป
6. การควบคุมการสำรวจและการทำแผนที่
6.1 กำหนดวิธีปฏิบัติและมาตรการควบคุมผลผลิตเกี่ยวกับการสำรวจทางอากาศ
6.2 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจภาคพื้นดิน
6.3 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจทางทะเล
6.4 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจการจัดทำแผนที่
7. เมื่อเอกชนผู้รับจ้างทำงานเสร็จสิ้นตามสัญญาจ้างแล้ว ให้เอกชนผู้รับจ้างส่งต้นฉบับเอกสาร เอกสารการพิมพ์ ข้อมูลทางแผนที่ และผลผลิตทุกชนิดที่ได้จากการทำแผนที่ให้แก่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างกับผลงาน
8. เมื่องานตามโครงการที่ว่าจ้างเสร็จสิ้นแล้ว ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างแจ้งบัญชีแสดงรายการข้อมูลและบัญชีผลงานต่อกรมแผนที่ทหาร หรือกรมอุทกศาสตร์ แล้วแต่กรณี เพื่อรายงานให้กระทรวงกลาโหมทราบต่อไป และหากเอกชนผู้รับจ้างประสงค์จะนำผลงานที่ส่งมอบต่อส่วนราชการผู้ว่าจ้างไปเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ทางวิทยาการ ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 เมษายน 2543--
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยในการจ้างเอกชนทำการสำรวจและทำแผนที่ พ.ศ. …. และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องในการพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 ให้มีการแก้ไขกฎ ระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาระบบสารสนเทศของภูมิศาสตร์
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิก "ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติเกี่ยวกับการจ้างเอกชนทำการสำรวจและทำแผนที่ พ.ศ. 2534"
2. ในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ให้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ
3. ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับแก่การสำรวจเพื่อค้นหาหรือช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบอุบัติเหตุตกในประเทศหรือเรือที่อับปางในน่านน้ำอาณาเขต ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
4. ให้เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม รักษาการตามระเบียบนี้
5. ส่วนราชการใดมีความประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อหาข้อมูลทางแผนที่หรือเพื่อการทำแผนที่ แต่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ให้ติดต่อขอให้กรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์แล้วแต่กรณี ถ้ากรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์ไม่สามารถให้การสนับสนุนได้ จะจ้างเอกชนเป็นผู้ดำเนินการก็ได้ การดำเนินการจ้างเอกชนดังกล่าว ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างทำรายงานเสนอต่อกรมแผนที่ทหารหรือกรมอุทกศาสตร์ แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการขออนุญาตต่อกระทรวงกลาโหมต่อไป
6. การควบคุมการสำรวจและการทำแผนที่
6.1 กำหนดวิธีปฏิบัติและมาตรการควบคุมผลผลิตเกี่ยวกับการสำรวจทางอากาศ
6.2 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจภาคพื้นดิน
6.3 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจทางทะเล
6.4 กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสำรวจการจัดทำแผนที่
7. เมื่อเอกชนผู้รับจ้างทำงานเสร็จสิ้นตามสัญญาจ้างแล้ว ให้เอกชนผู้รับจ้างส่งต้นฉบับเอกสาร เอกสารการพิมพ์ ข้อมูลทางแผนที่ และผลผลิตทุกชนิดที่ได้จากการทำแผนที่ให้แก่ส่วนราชการผู้ว่าจ้างกับผลงาน
8. เมื่องานตามโครงการที่ว่าจ้างเสร็จสิ้นแล้ว ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างแจ้งบัญชีแสดงรายการข้อมูลและบัญชีผลงานต่อกรมแผนที่ทหาร หรือกรมอุทกศาสตร์ แล้วแต่กรณี เพื่อรายงานให้กระทรวงกลาโหมทราบต่อไป และหากเอกชนผู้รับจ้างประสงค์จะนำผลงานที่ส่งมอบต่อส่วนราชการผู้ว่าจ้างไปเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ทางวิทยาการ ให้ส่วนราชการผู้ว่าจ้างเป็นผู้พิจารณาอนุญาต
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 เมษายน 2543--