คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 6 เดือนแรก (ม.ค. — มิ.ย.) ของปี 2548 ดังนี้
การค้าระหว่างประเทศของไทย ในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 (ม.ค.-มิ.ย.)
1. การส่งออกเดือนมิถุนายนมีมูลค่า 9,266 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ 4.9 เป็นการลดลงของ ข้าว มันสำปะหลัง และยางพาราร้อยละ 29.0 , 43.3 และ 10.3 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตภายในประเทศลดลงและการแข่งขันกับคู่แข่ง ขณะที่สินค้าอาหารและสินค้าอุตสาหกรรมยังขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 51,828 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9
2. การนำเข้าเดือนมิถุนายนมีมูลค่า 11,148 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2 สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากได้แก่ เชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบร้อยละ 104.4,34.2 และ 22.3 ตามลำดับ โดยเฉพาะน้ำมันดิบนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 109.7 เป็นการนำเข้าเพิ่มขึ้นทั้งทางด้านราคาร้อยละ 53.9 และปริมาณร้อยละ 36.2 ทำให้การนำเข้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 59,982 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0
สินค้าสำคัญที่นำเข้าในอัตราสูงและส่งผลทำให้ดุลการค้าขาดดุล ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็กกล้า ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และสินแร่และโลหะอื่น ๆ
3. ดุลการค้าเดือนมิถุนายนขาดดุลมูลค่า 1,882 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก ทำให้ดุลการค้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 ขาดดุลมูลค่า 8,154 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
4. ตลาดส่งออกสำคัญ ยังขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 อันเป็นผลจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะตลาดใหม่ ตลาดที่ขยายตัวในอัตราสูงได้แก่ อินเดีย (ร้อยละ 81.4) ลาตินอเมริกา (ร้อยละ 36.2) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 30.4) แอฟริกา (ร้อยละ 27.8) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 25.0) ยุโรปตะวันออก (ร้อยละ 24.9) จีน (ร้อยละ 23.0) และตะวันออกกลาง (ร้อยละ 13.2)
ตลาดหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ตามการขยายตัวของการส่งออกไปญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 14.9 และ 8.7 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปสหภาพยุโรปและอาเซียนมีแนวโน้มชะลอตัวลงโดยขยายตัวร้อยละ 5.7 และ 8.5 ตามลำดับ
5. สินค้าส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว แป้งมันสำปะหลัง ปลากระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ พลาสติก เหล็ก อัญมณี ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์
สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลงได้แก่ มันเม็ดและมันเส้นลดลงร้อยละ 33.2 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและต้องแข่งขันกับธัญพืชในสหภาพยุโรป แผงวงจรไฟฟ้าลดลง ร้อยละ 7.2 จากการแข่งขันด้านราคากับเกาหลีใต้ ยางพาราลดลงร้อยละ 4.2 เนื่องจากจีนลดการนำเข้าตามนโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านราคากับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 94.7 จากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 สิงหาคม 2548--จบ--
การค้าระหว่างประเทศของไทย ในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 (ม.ค.-มิ.ย.)
1. การส่งออกเดือนมิถุนายนมีมูลค่า 9,266 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ 4.9 เป็นการลดลงของ ข้าว มันสำปะหลัง และยางพาราร้อยละ 29.0 , 43.3 และ 10.3 ตามลำดับ เนื่องจากผลผลิตภายในประเทศลดลงและการแข่งขันกับคู่แข่ง ขณะที่สินค้าอาหารและสินค้าอุตสาหกรรมยังขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 51,828 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9
2. การนำเข้าเดือนมิถุนายนมีมูลค่า 11,148 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2 สินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้นมากได้แก่ เชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบร้อยละ 104.4,34.2 และ 22.3 ตามลำดับ โดยเฉพาะน้ำมันดิบนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 109.7 เป็นการนำเข้าเพิ่มขึ้นทั้งทางด้านราคาร้อยละ 53.9 และปริมาณร้อยละ 36.2 ทำให้การนำเข้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 มีมูลค่า 59,982 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0
สินค้าสำคัญที่นำเข้าในอัตราสูงและส่งผลทำให้ดุลการค้าขาดดุล ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็กกล้า ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และสินแร่และโลหะอื่น ๆ
3. ดุลการค้าเดือนมิถุนายนขาดดุลมูลค่า 1,882 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก ทำให้ดุลการค้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2548 ขาดดุลมูลค่า 8,154 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
4. ตลาดส่งออกสำคัญ ยังขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 อันเป็นผลจากการดำเนินมาตรการเชิงรุกในการเจาะตลาดใหม่ ตลาดที่ขยายตัวในอัตราสูงได้แก่ อินเดีย (ร้อยละ 81.4) ลาตินอเมริกา (ร้อยละ 36.2) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 30.4) แอฟริกา (ร้อยละ 27.8) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 25.0) ยุโรปตะวันออก (ร้อยละ 24.9) จีน (ร้อยละ 23.0) และตะวันออกกลาง (ร้อยละ 13.2)
ตลาดหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 ตามการขยายตัวของการส่งออกไปญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 14.9 และ 8.7 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปสหภาพยุโรปและอาเซียนมีแนวโน้มชะลอตัวลงโดยขยายตัวร้อยละ 5.7 และ 8.5 ตามลำดับ
5. สินค้าส่งออกสำคัญ ส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว แป้งมันสำปะหลัง ปลากระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ไก่แปรรูป ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ พลาสติก เหล็ก อัญมณี ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์
สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลงได้แก่ มันเม็ดและมันเส้นลดลงร้อยละ 33.2 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและต้องแข่งขันกับธัญพืชในสหภาพยุโรป แผงวงจรไฟฟ้าลดลง ร้อยละ 7.2 จากการแข่งขันด้านราคากับเกาหลีใต้ ยางพาราลดลงร้อยละ 4.2 เนื่องจากจีนลดการนำเข้าตามนโยบายลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันด้านราคากับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ไก่สดแช่แข็งลดลงร้อยละ 94.7 จากปัญหาการระบาดของไข้หวัดนก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 สิงหาคม 2548--จบ--