คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังเสนอว่า รัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก และพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ จึงเห็นควรดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง ซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นควรปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นจำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย จากเดิมที่ได้รับยกว้นอากรขาเข้า เป็นเก็บอัตราร้อยละ 5 โดยยังคงยกเว้นอัตราอากรศุลกากรสำหรับปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็ง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตปลากระป๋องเพื่อขายในประเทศ สำหรับหูฉลามและเปาฮื้อ และสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบิน ยังคงอัตราอากรไว้ที่ร้อยละ 60
การดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้ จะช่วยคุ้มครองผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศแต่ไม่มีผลกระทบต่อผู้ผลิตอาหารกระป๋องเพื่อส่งออก ผู้ผลิตปลากระป๋องที่จำหน่ายในประเทศและผู้บริโภคภายในประเทศ สำหรับผลการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 4 ล้านบาท
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นนอกจากหูฉลามและเปาฮื้อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า เป็นร้อยละ 5 จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย
2. คงการยกเว้นอัตราอากรศุลกากรปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบ ที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็งตามประเภทพิกัดย่อยที่ 0303.41 0303.42 0303.43 0303.49 และ 0303.71
3. คงอัตราอากรหูฉลามและเปาฮื้อและสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบินในอัตราร้อยละ 60
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 ต.ค. 44--
-สส-
กระทรวงการคลังเสนอว่า รัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก และพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ จึงเห็นควรดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรกลุ่มสินค้าประมง ซึ่งกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ แล้วเห็นควรปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นจำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย จากเดิมที่ได้รับยกว้นอากรขาเข้า เป็นเก็บอัตราร้อยละ 5 โดยยังคงยกเว้นอัตราอากรศุลกากรสำหรับปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็ง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ผลิตปลากระป๋องเพื่อขายในประเทศ สำหรับหูฉลามและเปาฮื้อ และสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบิน ยังคงอัตราอากรไว้ที่ร้อยละ 60
การดำเนินการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้ จะช่วยคุ้มครองผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศแต่ไม่มีผลกระทบต่อผู้ผลิตอาหารกระป๋องเพื่อส่งออก ผู้ผลิตปลากระป๋องที่จำหน่ายในประเทศและผู้บริโภคภายในประเทศ สำหรับผลการปรับปรุงอัตราอากรศุลกากรในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 4 ล้านบาท
ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับเพิ่มอัตราอากรศุลกากรของปลาและสัตว์น้ำอื่นนอกจากหูฉลามและเปาฮื้อ ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า เป็นร้อยละ 5 จำนวน 82 ประเภทพิกัดย่อย
2. คงการยกเว้นอัตราอากรศุลกากรปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็กหรือปลาโอท้องแถบ ที่มีลักษณะแช่เย็นจนแข็งตามประเภทพิกัดย่อยที่ 0303.41 0303.42 0303.43 0303.49 และ 0303.71
3. คงอัตราอากรหูฉลามและเปาฮื้อและสัตว์น้ำที่นำเข้าทางสนามบินในอัตราร้อยละ 60
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 30 ต.ค. 44--
-สส-