คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ให้ยกเว้นและเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองและให้แก่ข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการ และข้าราชการประเภทอื่นที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 เป็นกรณีพิเศษ 2 ขั้น (รอบประเมินครึ่งปีแรก 1 ขั้น ครึ่งปีหลังอีก 1 ขั้น)ตามมติในการประชุมหารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเนื่องจากการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ยังมีปัญหา
ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2544 การนำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ที่เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติ มาใช้ในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 นั้น จึงมีปัญหาในทางปฏิบัติบางประการ ทำให้ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองและข้าราชการพลเรือน ลูกจ้าง และข้าราชการประเภทอื่นที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล ที่มีสิทธิจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ มีคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว เช่น ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ครบตามกำหนด และปัญหาการเริ่มนับระยะเวลาปฏิบัติงาน เป็นต้น จึงไม่อาจจะพิจารณาให้เลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติได้ประกอบกับทางต้นสังกัดของข้าราชการดังกล่าว ไม่พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษให้ เพราะได้ตัดยอดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจรักษาความปลอดภัยและข้าราชการ ลูกจ้างที่ไปช่วยงานคณะรัฐมนตรี ออกจากฐานคำนวณโควตาเลื่อนขั้นฯ แล้ว และโดยที่แนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่ต้น มีวิธีการที่แตกต่างกับหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติให้กับข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้หารือมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางแก้ไขในเรื่องดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้จัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อหาข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในเรื่องการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม 2544 และที่ประชุมได้ข้อสรุปเป็นมติร่วมกัน ดังนี้
1. ให้ยกเว้นและเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะกลุ่มที่ 1 (ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง) และกลุ่มที่ 2 (ข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการและข้าราชการประเภทอื่นที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานคณะรัฐมนตรี) ดังต่อไปนี้
1.1 ผ่อนผันให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองและผ่อนผันให้ข้าราชการ ลูกจ้าง ผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีที่มีระยะเวลาช่วยปฏิบัติราชการน้อยกว่า 4 เดือน ในรอบการประเมินเลื่อนขั้น 1 เมษายน 2544 สามารถได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติได้
1.2 ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยให้ต้นสังกัดของข้าราชการ และลูกจ้างนั้น ๆ เป็นผู้ประเมินในระยะก่อนมาปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีเป็นผู้ประเมินในช่วงที่ข้าราชการ และลูกจ้างนั้น มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย และช่วยปฏิบัติราชการ
1.3 ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในข้อ 1.1 และ 1.2 โดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการนี้มาอนุโลมใช้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนเป็นเหตุให้ไม่อาจปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 โดยเคร่งครัดได้
1.4 ให้พนักงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานของรัฐอื่นที่มาช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติได้ โดยใช้หลักเกณฑ์อนุโลมเช่นเดียวกับข้าราชการกลุ่มที่ 2
1.5 สำหรับการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ยึดถือแนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยห้ามมิให้เลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจรวมทั้งปีจำนวน 2 ขั้น ติดต่อกันเป็นปีที่สามในทุกครั้งที่มีการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ
1.6 ให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่ข้าราชการตำรวจว่า การเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนี้ไม่ให้ใช้กับข้าราชการตำรวจประเภทที่มีมติคณะรัฐมนตรีห้ามยืมตัวไปช่วยราชการนอกหน่วยงาน ซึ่งในปัจจุบันได้แก่ การห้ามไม่ให้ยืมตัวข้าราชการตำรวจจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2544
2. สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
2.1 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจดังกล่าว ในช่วงเวลาก่อนมาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง และให้ส่งให้รัฐมนตรีประเมินในช่วงที่ข้าราชการตำรวจนั้น ๆ มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วให้รัฐมนตรีเสนอรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
2.2 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำบัญชีรายชื่อข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจผู้มาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรี และกำหนดแบบฟอร์มการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการดังกล่าว แล้วดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1) ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งแบบฟอร์มและรายชื่อผู้มาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรีให้ต้นสังกัดประเมินในช่วงก่อนมาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรี และให้ต้นสังกัดส่งแบบประเมินให้รัฐมนตรีประเมินผลงานในช่วงที่ข้าราชการดังกล่าวมาช่วยปฏิบัติงาน
2) ให้รัฐมนตรีส่งรายชื่อ พร้อมทั้งแบบฟอร์มการประเมินเฉพาะผู้ที่ได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือน 1 ขั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 ก.ย.44--
-สส-
ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2544 การนำหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 ที่เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติ มาใช้ในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 นั้น จึงมีปัญหาในทางปฏิบัติบางประการ ทำให้ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองและข้าราชการพลเรือน ลูกจ้าง และข้าราชการประเภทอื่นที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล ที่มีสิทธิจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ มีคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว เช่น ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ครบตามกำหนด และปัญหาการเริ่มนับระยะเวลาปฏิบัติงาน เป็นต้น จึงไม่อาจจะพิจารณาให้เลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติได้ประกอบกับทางต้นสังกัดของข้าราชการดังกล่าว ไม่พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษให้ เพราะได้ตัดยอดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจรักษาความปลอดภัยและข้าราชการ ลูกจ้างที่ไปช่วยงานคณะรัฐมนตรี ออกจากฐานคำนวณโควตาเลื่อนขั้นฯ แล้ว และโดยที่แนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้ยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่ต้น มีวิธีการที่แตกต่างกับหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติให้กับข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้หารือมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อหาแนวทางแก้ไขในเรื่องดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้จัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อหาข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในเรื่องการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม 2544 และที่ประชุมได้ข้อสรุปเป็นมติร่วมกัน ดังนี้
1. ให้ยกเว้นและเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะกลุ่มที่ 1 (ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง) และกลุ่มที่ 2 (ข้าราชการพลเรือน ลูกจ้างส่วนราชการและข้าราชการประเภทอื่นที่ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานคณะรัฐมนตรี) ดังต่อไปนี้
1.1 ผ่อนผันให้ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมืองและผ่อนผันให้ข้าราชการ ลูกจ้าง ผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีที่มีระยะเวลาช่วยปฏิบัติราชการน้อยกว่า 4 เดือน ในรอบการประเมินเลื่อนขั้น 1 เมษายน 2544 สามารถได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติได้
1.2 ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยให้ต้นสังกัดของข้าราชการ และลูกจ้างนั้น ๆ เป็นผู้ประเมินในระยะก่อนมาปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยคณะรัฐมนตรี และช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรี และให้รัฐมนตรีเป็นผู้ประเมินในช่วงที่ข้าราชการ และลูกจ้างนั้น มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย และช่วยปฏิบัติราชการ
1.3 ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในข้อ 1.1 และ 1.2 โดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการนี้มาอนุโลมใช้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจนเป็นเหตุให้ไม่อาจปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2544 โดยเคร่งครัดได้
1.4 ให้พนักงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานของรัฐอื่นที่มาช่วยปฏิบัติราชการในงานของคณะรัฐมนตรีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติได้ โดยใช้หลักเกณฑ์อนุโลมเช่นเดียวกับข้าราชการกลุ่มที่ 2
1.5 สำหรับการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ยึดถือแนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยห้ามมิให้เลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจรวมทั้งปีจำนวน 2 ขั้น ติดต่อกันเป็นปีที่สามในทุกครั้งที่มีการพิจารณาเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ
1.6 ให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติให้แก่ข้าราชการตำรวจว่า การเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนกรณีพิเศษนี้ไม่ให้ใช้กับข้าราชการตำรวจประเภทที่มีมติคณะรัฐมนตรีห้ามยืมตัวไปช่วยราชการนอกหน่วยงาน ซึ่งในปัจจุบันได้แก่ การห้ามไม่ให้ยืมตัวข้าราชการตำรวจจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2544
2. สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
2.1 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจดังกล่าว ในช่วงเวลาก่อนมาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้าราชการการเมือง และให้ส่งให้รัฐมนตรีประเมินในช่วงที่ข้าราชการตำรวจนั้น ๆ มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วให้รัฐมนตรีเสนอรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
2.2 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำบัญชีรายชื่อข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจผู้มาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรี และกำหนดแบบฟอร์มการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการดังกล่าว แล้วดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1) ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งแบบฟอร์มและรายชื่อผู้มาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรีให้ต้นสังกัดประเมินในช่วงก่อนมาช่วยปฏิบัติงานรัฐมนตรี และให้ต้นสังกัดส่งแบบประเมินให้รัฐมนตรีประเมินผลงานในช่วงที่ข้าราชการดังกล่าวมาช่วยปฏิบัติงาน
2) ให้รัฐมนตรีส่งรายชื่อ พร้อมทั้งแบบฟอร์มการประเมินเฉพาะผู้ที่ได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือน 1 ขั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 18 ก.ย.44--
-สส-