แท็ก
ภาวะเศรษฐกิจ
2.3 แนวนโยบายในปี 2543
ปี 2543 เป็นปีที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาวจากการที่การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2542 เป็นการปรับตัวจากจุดต่ำสุดในปีก่อนหน้า เพื่อที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง (1 - 5 ปี) มาตรการในปี2543 จึงมีความสำคัญและต้องต่อเนื่อง
มาตรการที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างทางการผลิต ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนก็เริ่มเห็นความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างธุรกิจ (Corporate Restructuring) แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพันธมิตรร่วมทุนต่างชาติ แต่ยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้มีการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เทคโนโลยี ประสิทธิภาพการผลิตการจัดการและการตลาด ตลอดจนยกระดับความสามารถของแรงงานไทยอย่างเป็นรูปธรรมและมีวิสัยทัศน์
นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน แนวโน้มค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพและแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยให้ทางการสามารถใช้นโยบายการเงินและการคลังที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไปได้ในปีหน้า อย่างไรก็ตามนโยบายการเงินของทางการจะยังให้ความสำคัญกับการควบคุมแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์นั้น ทางการจะดูแลกลไกตลาดเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะดำเนินนโยบายที่ช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นโยบายในการแก้ปัญหาในระดับจุลภาค (Sectoral) ยังคงต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการเงิน และการปรับโครงสร้างหนี้และธุรกิจภาคเอกชน รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยเร็วและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาอย่างถาวร โดยจะยังคงเร่งดำเนินการควบรวมกิจการและขายสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงตลอดจนเร่งทบทวนแก้ไขกฎระเบียบการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
นโยบายการคลัง ทางการควรมุ่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งนี้ควรเร่งการใช้จ่ายจากงบประมาณและจากเงินกู้ต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินกู้โครงการมิยาซาวาก่อนที่แรงกระตุ้นด้านการคลังจากภาครัฐจะเริ่มลดลง สำหรับในส่วนของรัฐวิสาหกิจควรเร่งรายจ่ายลงทุนที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ในปีก่อนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้สมควรเพิ่มความระมัดระวังดูแลให้ฐานะการคลังในระยะปานกลางมีความมั่นคงและไม่เป็นภาระเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและเริ่มพัฒนากลับไปสู่ศักยภาพในระยะยาว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 มกราคม 2543--
ปี 2543 เป็นปีที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาวจากการที่การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2542 เป็นการปรับตัวจากจุดต่ำสุดในปีก่อนหน้า เพื่อที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระยะปานกลาง (1 - 5 ปี) มาตรการในปี2543 จึงมีความสำคัญและต้องต่อเนื่อง
มาตรการที่สำคัญคือการปรับโครงสร้างทางการผลิต ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนก็เริ่มเห็นความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างธุรกิจ (Corporate Restructuring) แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีพันธมิตรร่วมทุนต่างชาติ แต่ยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันผลักดันให้มีการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เทคโนโลยี ประสิทธิภาพการผลิตการจัดการและการตลาด ตลอดจนยกระดับความสามารถของแรงงานไทยอย่างเป็นรูปธรรมและมีวิสัยทัศน์
นโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน แนวโน้มค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพและแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยให้ทางการสามารถใช้นโยบายการเงินและการคลังที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไปได้ในปีหน้า อย่างไรก็ตามนโยบายการเงินของทางการจะยังให้ความสำคัญกับการควบคุมแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์นั้น ทางการจะดูแลกลไกตลาดเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะดำเนินนโยบายที่ช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นโยบายในการแก้ปัญหาในระดับจุลภาค (Sectoral) ยังคงต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการเงิน และการปรับโครงสร้างหนี้และธุรกิจภาคเอกชน รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของภาคธุรกิจโดยเร็วและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาอย่างถาวร โดยจะยังคงเร่งดำเนินการควบรวมกิจการและขายสถาบันการเงินที่ถูกแทรกแซงตลอดจนเร่งทบทวนแก้ไขกฎระเบียบการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
นโยบายการคลัง ทางการควรมุ่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งนี้ควรเร่งการใช้จ่ายจากงบประมาณและจากเงินกู้ต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินกู้โครงการมิยาซาวาก่อนที่แรงกระตุ้นด้านการคลังจากภาครัฐจะเริ่มลดลง สำหรับในส่วนของรัฐวิสาหกิจควรเร่งรายจ่ายลงทุนที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ในปีก่อนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้สมควรเพิ่มความระมัดระวังดูแลให้ฐานะการคลังในระยะปานกลางมีความมั่นคงและไม่เป็นภาระเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและเริ่มพัฒนากลับไปสู่ศักยภาพในระยะยาว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 10 มกราคม 2543--