ทำเนียบรัฐบาล--28 มี.ค.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งผลการพิจารณาร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 มีนาคม 2543 โดยได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้
1. เรื่องการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของธนาคาร ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 7 วรรคสอง โดยเปลี่ยนคำว่า "พึงสนับสนุน" เป็นคำว่า "พึงคำนึงถึง"
2. เรื่องการให้แสดงตัวเลขบัญชีทุนสำรองต่าง ๆ ที่จะโอนมา ในร่างมาตรา 7 มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
3. เรื่องอำนาจในการกำกับดูแลโดยทั่วไปของรัฐมนตรี ในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
4. เรื่องการถอดถอนผู้ว่าการ ได้เพิ่มความเป็นวรรคสองของมาตรา 27 เพื่อกำหนดว่าการปฏิบัติงานโดยใช้ดุลพินิจอันบุคคลที่ดำรงตำแหน่งกรรมการโดยปกติอาจมีดุลพินิจเช่นนั้นได้ ไม่เป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
5. เรื่องการแต่งตั้งรองผู้ว่าการ ได้เพิ่มความเป็นวรรคสองของมาตรา 30 เพื่อระบุว่าการแต่งตั้งรองผู้ว่าการให้แต่งตั้งจากผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
6. เรื่องการให้รัฐบาลกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในร่างมาตรา 59 มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
7. เรื่องการกำหนดเงินเดือนและบำเหน็จ ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 28 และมาตรา 33 เพื่อกำหนดให้คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีอำนาจกำหนดเงินเดือนและบำเหน็จของคณะกรรมการนโยบายการเงินและคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการ และรองผู้ว่าการ
8. เรื่องข้อห้ามดำเนินการอันมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศของทางการ ได้เพิ่มความเป็นมาตรา 49 ทวิ เพื่อห้ามมิให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการจนมีเงินสำรองระหว่างประเทศของทางการเมื่อหักภาระผูกพันล่วงหน้าสุทธิในส่วนของสินทรัพย์ดังกล่าวแล้ว น้อยกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 43
9. เรื่องบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 8 เพื่อมิให้นำเรื่องการถอดถอนมาใช้กับผู้ว่าการและรองผู้ว่าการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
นอกจากนั้น ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 72 และมาตรา 76 ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องนั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 มีนาคม 2543--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งผลการพิจารณาร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 มีนาคม 2543 โดยได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนี้
1. เรื่องการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของธนาคาร ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 7 วรรคสอง โดยเปลี่ยนคำว่า "พึงสนับสนุน" เป็นคำว่า "พึงคำนึงถึง"
2. เรื่องการให้แสดงตัวเลขบัญชีทุนสำรองต่าง ๆ ที่จะโอนมา ในร่างมาตรา 7 มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
3. เรื่องอำนาจในการกำกับดูแลโดยทั่วไปของรัฐมนตรี ในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
4. เรื่องการถอดถอนผู้ว่าการ ได้เพิ่มความเป็นวรรคสองของมาตรา 27 เพื่อกำหนดว่าการปฏิบัติงานโดยใช้ดุลพินิจอันบุคคลที่ดำรงตำแหน่งกรรมการโดยปกติอาจมีดุลพินิจเช่นนั้นได้ ไม่เป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง
5. เรื่องการแต่งตั้งรองผู้ว่าการ ได้เพิ่มความเป็นวรรคสองของมาตรา 30 เพื่อระบุว่าการแต่งตั้งรองผู้ว่าการให้แต่งตั้งจากผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
6. เรื่องการให้รัฐบาลกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในร่างมาตรา 59 มิได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
7. เรื่องการกำหนดเงินเดือนและบำเหน็จ ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 28 และมาตรา 33 เพื่อกำหนดให้คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีอำนาจกำหนดเงินเดือนและบำเหน็จของคณะกรรมการนโยบายการเงินและคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน ผู้ว่าการ และรองผู้ว่าการ
8. เรื่องข้อห้ามดำเนินการอันมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศของทางการ ได้เพิ่มความเป็นมาตรา 49 ทวิ เพื่อห้ามมิให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการจนมีเงินสำรองระหว่างประเทศของทางการเมื่อหักภาระผูกพันล่วงหน้าสุทธิในส่วนของสินทรัพย์ดังกล่าวแล้ว น้อยกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่ต้องดำรงไว้ตามมาตรา 43
9. เรื่องบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 8 เพื่อมิให้นำเรื่องการถอดถอนมาใช้กับผู้ว่าการและรองผู้ว่าการซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
นอกจากนั้น ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 72 และมาตรา 76 ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องนั้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 มีนาคม 2543--