ทำเนียบรัฐบาล--19 ก.ย.--นิวส์สแตนด์
อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และให้ความเห็นชอบการ ปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชน
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และให้ความเห็นชอบการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชน
2. ให้ความเห็นชอบในหลักการให้ปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการหากปรากฏว่ากระทรวงศึกษาธิการและส่วนราชการที่มีสถานศึกษาสังกัดอยู่ปรับเพิ่มอัตราเงินบำรุงการศึกษาดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังแจ้งว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเก็บค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนเอกชน รวมทั้งค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียนประเภทสามัญศึกษาและจะให้เงินอุดหนุนค่าธรรมเนียมการเรียนแก่นักเรียนประเภทอาชีวศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 โดยโรงเรียนไม่ต้องปรับลดค่าธรรมเนียมการเรียนสำหรับปีการศึกษา 2543 จึงขอให้กระทรวงการคลังเปลี่ยนแปลงอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรของโรงเรียนเอกชนให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว
เนื่องจากเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เป็นเงินที่ทางราชการให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำผู้ได้รับบำบาญเบี้ยหวัดเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ตอบแทนที่ทางราชการให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติงานราชการ และต้องปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ดังนั้น การที่กระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการเรียนในสถานศึกษาของเอกชน ส่งผลให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้ได้รับบำนาญเบี้ยหวัด ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสำหรับบุตรเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชนตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อให้ผู้มีสิทธิดังกล่าวมาเบิกจ่ายค่าเล่าเรียนบุตรจากทางราชการได้ ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราการเบิกจ่ายจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 และวันที่ 29 ธันวาคม 2541 เกี่ยวกับมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และเห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเบิกจ่ายเงินค่าเล่าเรียนในสถานศึกษาเอกชนแล้ว ควรพิจารณาของสถานศึกษาของทางราชการด้วยเพื่อความเหมาะสม และหากปรากฏว่ากระทรวงศึกษาธิการและส่วนราขการที่มีสถานศึกษาสังกัดอยู่ ปรับเพิ่มอัตราเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการก็เห็นสมควรดำเนินการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการไปในคราวเดียวกันด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ก.ย. 2543--
-สส-
อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และให้ความเห็นชอบการ ปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชน
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และให้ความเห็นชอบการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชน
2. ให้ความเห็นชอบในหลักการให้ปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการหากปรากฏว่ากระทรวงศึกษาธิการและส่วนราชการที่มีสถานศึกษาสังกัดอยู่ปรับเพิ่มอัตราเงินบำรุงการศึกษาดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังแจ้งว่า กระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเก็บค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนเอกชน รวมทั้งค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียนประเภทสามัญศึกษาและจะให้เงินอุดหนุนค่าธรรมเนียมการเรียนแก่นักเรียนประเภทอาชีวศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 โดยโรงเรียนไม่ต้องปรับลดค่าธรรมเนียมการเรียนสำหรับปีการศึกษา 2543 จึงขอให้กระทรวงการคลังเปลี่ยนแปลงอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรของโรงเรียนเอกชนให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขดังกล่าว
เนื่องจากเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เป็นเงินที่ทางราชการให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำผู้ได้รับบำบาญเบี้ยหวัดเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ตอบแทนที่ทางราชการให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติงานราชการ และต้องปรับปรุงให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ดังนั้น การที่กระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมการเรียนในสถานศึกษาของเอกชน ส่งผลให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้ได้รับบำนาญเบี้ยหวัด ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนสำหรับบุตรเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรในสถานศึกษาเอกชนตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อให้ผู้มีสิทธิดังกล่าวมาเบิกจ่ายค่าเล่าเรียนบุตรจากทางราชการได้ ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราการเบิกจ่ายจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541 และวันที่ 29 ธันวาคม 2541 เกี่ยวกับมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ และเห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเบิกจ่ายเงินค่าเล่าเรียนในสถานศึกษาเอกชนแล้ว ควรพิจารณาของสถานศึกษาของทางราชการด้วยเพื่อความเหมาะสม และหากปรากฏว่ากระทรวงศึกษาธิการและส่วนราขการที่มีสถานศึกษาสังกัดอยู่ ปรับเพิ่มอัตราเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการก็เห็นสมควรดำเนินการปรับอัตราการเบิกจ่ายเงินบำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการไปในคราวเดียวกันด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ก.ย. 2543--
-สส-