ทำเนียบรัฐบาล--31 ต.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2543 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอ และเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของประเทศ ด้วยเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้เป้าหมายที่กำหนดไว้ และการที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งนั้น อุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนภาคเอกชนจะต้องฟื้นตัวมากขึ้นกว่านี้ จึงจำเป็นต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเพื่อนำไปสู่การขยายตัวของสินเชื่อและเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2543 โดยสรุปประเด็นได้ 3 ประการ ดังนั้
1. การคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อ เมื่อเทียบกับข้อสมมติประกอบการคาดการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้าคณะกรรมการนโยบายการเงินเห็นว่า
1.1 สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น จึงได้ปรับข้อสมมติราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นตามเป็นเฉลี่ย 29 ดอลลาร์/บาร์เรล ในไตรมาส 4 ของปี 2543 และเฉลี่ย 28 ดอลลาร์/บาร์เรล ในปี 2544 (จากเดิมที่ใช้เฉลี่ย 25 ดอลลาร์/บาร์เรล)
1.2 ค่าเงินยูโรที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ราคาส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ของสหภาพยุโรปลดลง และจะช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลก โดยเฉพาะดัชนีราคาสินค้าอุตสาหกรรมและดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน
1.3 ในปี 2543 - 2544 เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีโอกาสที่จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.7 และ 4.2 ตามลำดับ จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.2 และ 3.9 (อ้างอิงจากประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ)
1.4 ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะปรับตัวลงอย่างรุนแรงมีน้อยลง
2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ สภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังมีความอ่อนตัวอยู่บ้างโดยอัตราการเพิ่มของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเริ่มชะลอตัว ส่วนการเพิ่มตัวของการลงทุนภาคเอกชนเป็นอย่างช้าๆ จากการประมาณการเดิมเมื่อเดือนกรกฎาคม 2543 คณะกรรมการฯเห็นว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2543 จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4.5-5.5 ด้วยความเป็นไปได้ (Probability) ร้อยละ 72 แต่ในเดือนนี้ได้ปรับการประมาณการเล็กน้อย โดยโอกาสที่จะอยู่ในช่วงล่างของช่วงประมาณการเดิมระหว่างร้อยละ 4.5-5.0 ได้เพิ่มสูงกว่าเดิม จากที่เคยประมาณไว้ที่ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 61 ส่วนความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวระหว่างร้อยละ 5.0-5.5 ตกลง จากเดิมที่มีโอกาสร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 10
สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2544 ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2543 เห็นว่ามีโอกาสจะอยู่ระหว่างร้อยละ 4 - 6 ด้วยความเป็นไปได้ (Prohahility) ร้อยละ 65 ในเดือนนี้คาดว่าโอกาสที่จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4 - 5.5 มีความแน่นอนมากกว่าเดิม โดยมีความเป็นไปได้ร้อยละ 57 จากเดิมที่ร้อยละ 52 ขณะที่ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวเกินร้อยละ 5.5 ได้ปรับตัวลดลงจากเดิมคาดไว้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 6
3. แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ โดยในปี 2543 โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยุ่ระหว่างร้อยละ 0.5 - 1 ต่อปีมีสูงถึงร้อยละ 91 เทียบกับที่ประมาณการเดิมในเดือน กรกฎาคมที่มีโอกาสเพียงร้อยละ 36 สะท้อนว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลต่อเนื่องไปยังราคาสินค้าหมวดอื่นไม่มากดังที่เคยคาดไว้ ส่วนในปี 2544 โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.5 - 2 ต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 26 เทียบกับร้อยละ 14 ที่ประมาณไว้ในเดือนกรกฎาคม ทำให้คณะกรรมการฯ ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลยทั้งปีสำหรับปี 2544 ให้มีช่วงกว้างขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 1.5 - 3 ต่อปีจากที่เคยประมาณไว้ที่ร้อยละ 2 - 3 ต่อปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ต.ค. 2543--
-สส-
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจรับทราบรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2543 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเสนอ และเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของประเทศ ด้วยเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้เป้าหมายที่กำหนดไว้ และการที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งนั้น อุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนภาคเอกชนจะต้องฟื้นตัวมากขึ้นกว่านี้ จึงจำเป็นต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเพื่อนำไปสู่การขยายตัวของสินเชื่อและเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนตุลาคม 2543 โดยสรุปประเด็นได้ 3 ประการ ดังนั้
1. การคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อ เมื่อเทียบกับข้อสมมติประกอบการคาดการณ์เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้าคณะกรรมการนโยบายการเงินเห็นว่า
1.1 สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกและความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น จึงได้ปรับข้อสมมติราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นตามเป็นเฉลี่ย 29 ดอลลาร์/บาร์เรล ในไตรมาส 4 ของปี 2543 และเฉลี่ย 28 ดอลลาร์/บาร์เรล ในปี 2544 (จากเดิมที่ใช้เฉลี่ย 25 ดอลลาร์/บาร์เรล)
1.2 ค่าเงินยูโรที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ราคาส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ ของสหภาพยุโรปลดลง และจะช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลก โดยเฉพาะดัชนีราคาสินค้าอุตสาหกรรมและดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมัน
1.3 ในปี 2543 - 2544 เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีโอกาสที่จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.7 และ 4.2 ตามลำดับ จากเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.2 และ 3.9 (อ้างอิงจากประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ)
1.4 ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะปรับตัวลงอย่างรุนแรงมีน้อยลง
2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ สภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังมีความอ่อนตัวอยู่บ้างโดยอัตราการเพิ่มของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเริ่มชะลอตัว ส่วนการเพิ่มตัวของการลงทุนภาคเอกชนเป็นอย่างช้าๆ จากการประมาณการเดิมเมื่อเดือนกรกฎาคม 2543 คณะกรรมการฯเห็นว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2543 จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4.5-5.5 ด้วยความเป็นไปได้ (Probability) ร้อยละ 72 แต่ในเดือนนี้ได้ปรับการประมาณการเล็กน้อย โดยโอกาสที่จะอยู่ในช่วงล่างของช่วงประมาณการเดิมระหว่างร้อยละ 4.5-5.0 ได้เพิ่มสูงกว่าเดิม จากที่เคยประมาณไว้ที่ร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 61 ส่วนความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวระหว่างร้อยละ 5.0-5.5 ตกลง จากเดิมที่มีโอกาสร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 10
สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2544 ซึ่งในเดือนกรกฎาคม 2543 เห็นว่ามีโอกาสจะอยู่ระหว่างร้อยละ 4 - 6 ด้วยความเป็นไปได้ (Prohahility) ร้อยละ 65 ในเดือนนี้คาดว่าโอกาสที่จะอยู่ระหว่างร้อยละ 4 - 5.5 มีความแน่นอนมากกว่าเดิม โดยมีความเป็นไปได้ร้อยละ 57 จากเดิมที่ร้อยละ 52 ขณะที่ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวเกินร้อยละ 5.5 ได้ปรับตัวลดลงจากเดิมคาดไว้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 6
3. แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ โดยในปี 2543 โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยุ่ระหว่างร้อยละ 0.5 - 1 ต่อปีมีสูงถึงร้อยละ 91 เทียบกับที่ประมาณการเดิมในเดือน กรกฎาคมที่มีโอกาสเพียงร้อยละ 36 สะท้อนว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลต่อเนื่องไปยังราคาสินค้าหมวดอื่นไม่มากดังที่เคยคาดไว้ ส่วนในปี 2544 โอกาสที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.5 - 2 ต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 26 เทียบกับร้อยละ 14 ที่ประมาณไว้ในเดือนกรกฎาคม ทำให้คณะกรรมการฯ ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลยทั้งปีสำหรับปี 2544 ให้มีช่วงกว้างขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 1.5 - 3 ต่อปีจากที่เคยประมาณไว้ที่ร้อยละ 2 - 3 ต่อปี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ต.ค. 2543--
-สส-