ทำเนียบรัฐบาล--2 พ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เพื่อเป็นการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุอันเกิดจากผู้ขับขี่รถในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอว่า อุบัติเหตุจากการจราจรทางบกมีผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ พูดโดยใช้มือถือไว้ หรือหนีบไว้ที่ซอกคอ อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับขี่เพราะควบคุมรถได้ไม่ดี ควรห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกับผู้อื่นเว้นแต่โทรศัพท์นั้นจะมีอุปกรณ์ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องจับหรือถือหรือหนีบโทรศัพท์ไว้กับร่างกายอันจะทำให้ไม่ปลอดภัย จึงควรควบคุมให้ใช้เฉพาะกรณีใข้อุปกรณ์ประกอบหรือรถไม่เคลื่อนที่ สมควรกำหนดมาตรการสร้างความปลอดภัยในขณะขับขี่รถ จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ "(9) พูดหรือใช้โทรศัพท์ในขณะที่รถเคลื่อนที่เว้นแต่โทรศัพท์นั้นจะมีอุปกรณ์ซึ่งผู้ขับขี่สามารถพูด หรือใช้ได้โดยไม่ต้องจับหรือถือโทรศัพท์ไว้ในขณะพูดหรือรับฟัง"
2. เพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 157(9) ที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่สำหรับผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนมาตรา 43(3) สำหรับผู้ขับขี่ที่พูดหรือใช้โทรศัพท์ในขณะที่รถเคลื่อนที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 พฤษภาคม 2543--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ เพื่อเป็นการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุอันเกิดจากผู้ขับขี่รถในการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอว่า อุบัติเหตุจากการจราจรทางบกมีผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ พูดโดยใช้มือถือไว้ หรือหนีบไว้ที่ซอกคอ อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับขี่เพราะควบคุมรถได้ไม่ดี ควรห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อกับผู้อื่นเว้นแต่โทรศัพท์นั้นจะมีอุปกรณ์ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องจับหรือถือหรือหนีบโทรศัพท์ไว้กับร่างกายอันจะทำให้ไม่ปลอดภัย จึงควรควบคุมให้ใช้เฉพาะกรณีใข้อุปกรณ์ประกอบหรือรถไม่เคลื่อนที่ สมควรกำหนดมาตรการสร้างความปลอดภัยในขณะขับขี่รถ จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ "(9) พูดหรือใช้โทรศัพท์ในขณะที่รถเคลื่อนที่เว้นแต่โทรศัพท์นั้นจะมีอุปกรณ์ซึ่งผู้ขับขี่สามารถพูด หรือใช้ได้โดยไม่ต้องจับหรือถือโทรศัพท์ไว้ในขณะพูดหรือรับฟัง"
2. เพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 157(9) ที่เพิ่มเติมขึ้นใหม่สำหรับผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนมาตรา 43(3) สำหรับผู้ขับขี่ที่พูดหรือใช้โทรศัพท์ในขณะที่รถเคลื่อนที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 2 พฤษภาคม 2543--