คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคเอเชียในประเทศไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 แล้ว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (The World Conservation Union) หรือ IUCN (เดิมใช้ชื่อว่า International Union for Conservation of Nature and Natural Resources : IUCN ภาษาไทยว่า องค์การระหว่างประเทศเพื่อการสงวนทรัพยากรธรรมชาติ) ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นรัฐบาล หน่วยงาน องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ สมาชิกจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและการดำเนินงานของ IUCN นับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2542 จำนวนสมาชิกของ IUCN ที่เป็นองค์กรต่าง ๆ ประกอบด้วย รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวม 76 ประเทศ หน่วงงานราชการ รวม 111 องค์กร จาก 139 ประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน รวม 669 องค์กร องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ 63 องค์กร และสมาชิกไม่มีสิทธิออกเสียง 36 องค์กร
2. สำหรับสมาชิกในประเทศไทย นอกจากกรมป่าไม้เป็นสมาชิกในนามรัฐบาลไทยแล้ว ยังมีสมาชิกที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรระหว่างประเทศ จำนวน 2 แห่ง และศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (RECOFTC - Regional Community Forest Training Center) นอกจากสมาชิกที่เป็นองค์กรแล้ว IUCN ยังประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้สนใจที่อาสาเข้ามาร่วมงานกันตามความเชี่ยวชาญและความสนใจของตน จำนวนประมาณ 10,000 คน จากทั่วทุกมุมโลก
3. จากลักษณะการทำงานที่ต้องประสานงาน และติดตามข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลก IUCN จึงมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองกลอนด์ (Gland) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานประจำภูมิภาค (Regional Office) อยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก และมีสำนักงานประจำประเทศต่าง ๆ ด้วย อาทิ เช่น เวียดนาม ลาว เนปาล บังคาเทศ ปากีสถาน แคนาดา เป็นต้น ในประเทศไทยนั้น IUCN มีเพียงหน่วยประสานงานภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเช่าสำนักงานอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (A.I.T.) จังหวัดปทุมธานี
4. จากการจัดการประชุมหารือระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมได้เล็งเห็นประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการตั้งสำนักงานดังกล่าว และได้หารือเป็นการภายในกับผู้แทนของ IUCN เพื่อกำหนดรายละเอียดข้อตกลงในเรื่องความคุ้มครองและสิทธิพิเศษ ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ใช้ข้อตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยน (exchange of note) โดยรัฐบาลไทยจะให้สิทธิพิเศษแก่ IUCN ในลักษณะเท่าเทียมกับสิทธิพิเศษที่รัฐบาลไทยได้ทำข้อตกลงกับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC - International Committee on Red Cross) ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 และปรับปรุงแก้ไขในปี พ.ศ. 2536 และ IUCN ได้แจ้งยอมรับข้อเสนอดังกล่าวตามหนังสือ IUCN ลงวันที่ 19 เมษายน 2544
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันพิจารณาหาข้อยุติในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการให้เอกสิทธิ์ทางภาษีอากรตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 ต.ค. 44--
-สส-
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (The World Conservation Union) หรือ IUCN (เดิมใช้ชื่อว่า International Union for Conservation of Nature and Natural Resources : IUCN ภาษาไทยว่า องค์การระหว่างประเทศเพื่อการสงวนทรัพยากรธรรมชาติ) ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นรัฐบาล หน่วยงาน องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ สมาชิกจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและการดำเนินงานของ IUCN นับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2542 จำนวนสมาชิกของ IUCN ที่เป็นองค์กรต่าง ๆ ประกอบด้วย รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวม 76 ประเทศ หน่วงงานราชการ รวม 111 องค์กร จาก 139 ประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน รวม 669 องค์กร องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ 63 องค์กร และสมาชิกไม่มีสิทธิออกเสียง 36 องค์กร
2. สำหรับสมาชิกในประเทศไทย นอกจากกรมป่าไม้เป็นสมาชิกในนามรัฐบาลไทยแล้ว ยังมีสมาชิกที่เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรระหว่างประเทศ จำนวน 2 แห่ง และศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (RECOFTC - Regional Community Forest Training Center) นอกจากสมาชิกที่เป็นองค์กรแล้ว IUCN ยังประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้สนใจที่อาสาเข้ามาร่วมงานกันตามความเชี่ยวชาญและความสนใจของตน จำนวนประมาณ 10,000 คน จากทั่วทุกมุมโลก
3. จากลักษณะการทำงานที่ต้องประสานงาน และติดตามข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากทั่วทุกมุมโลก IUCN จึงมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองกลอนด์ (Gland) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานประจำภูมิภาค (Regional Office) อยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก และมีสำนักงานประจำประเทศต่าง ๆ ด้วย อาทิ เช่น เวียดนาม ลาว เนปาล บังคาเทศ ปากีสถาน แคนาดา เป็นต้น ในประเทศไทยนั้น IUCN มีเพียงหน่วยประสานงานภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเช่าสำนักงานอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (A.I.T.) จังหวัดปทุมธานี
4. จากการจัดการประชุมหารือระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมได้เล็งเห็นประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการตั้งสำนักงานดังกล่าว และได้หารือเป็นการภายในกับผู้แทนของ IUCN เพื่อกำหนดรายละเอียดข้อตกลงในเรื่องความคุ้มครองและสิทธิพิเศษ ในที่สุดที่ประชุมมีมติให้ใช้ข้อตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยน (exchange of note) โดยรัฐบาลไทยจะให้สิทธิพิเศษแก่ IUCN ในลักษณะเท่าเทียมกับสิทธิพิเศษที่รัฐบาลไทยได้ทำข้อตกลงกับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC - International Committee on Red Cross) ซึ่งมีอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 และปรับปรุงแก้ไขในปี พ.ศ. 2536 และ IUCN ได้แจ้งยอมรับข้อเสนอดังกล่าวตามหนังสือ IUCN ลงวันที่ 19 เมษายน 2544
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันพิจารณาหาข้อยุติในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการให้เอกสิทธิ์ทางภาษีอากรตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 16 ต.ค. 44--
-สส-