คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและรายละเอียดข้อเสนอโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด รุ่นที่ 3 (ปีงบประมาณ 2545) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยคงวัตถุประสงค์ หลักการ คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการฯ สิ่งจูงใจ และหลักเกณฑ์วิธีการเดิม เช่นเดียวกับโครงการในรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 แต่ในรุ่นที่ 3 นี้จะไม่ครอบคลุมข้าราชการในสังกัดองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตามมติของ ก.พ. และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการฯ สำหรับข้าราชการทหารที่จะเข้าร่วมโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด รุ่นที่ 3 (ปีงบประมาณ 2545) ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2542 ที่ให้แยกดำเนินการจูงใจให้ข้าราชการทหารออกจากราชการก่อนเกษียณเป็น 2 โครงการ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ดังนี้
1. โครงการที่ 1 ให้ได้รับเฉพาะการขอพระราชทานชั้นยศ หรือเลื่อนยศให้สูงขึ้นหนึ่งชั้นยศเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น
2. โครงการที่ 2 ให้ได้รับเงินขวัญถุงและเงินช่วยเหลือรายเดือนผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ ตลอดจนสิทธิประโยชน์อื่นตามโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตฯ
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. เสนอว่าโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด รุ่นที่ 1 และ 2 ปีงบประมาณ 2543- 2544 ประสบความสำเร็จในการลดอัตรากำลังคนภาครัฐได้จำนวน 41,397 คน และยุบเลิกตำแหน่งได้ 31,406 อัตรา (มีข้าราชการครูเข้าร่วมโครงการฯ มากที่สุด คิดเป็น 54.56% ของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดซึ่งได้มีการจัดสรรตำแหน่งข้าราชการครูคืนให้ประมาณ 20% ในแต่ละโครงการ) ทำให้รัฐสามารถประหยัดรายจ่ายด้านบุคคลในระยะยาว และประชาชนไม่ได้รับผบกระทบจากการลดอัตรากำลังตามมาตรการนี้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและวิธีการบริหารงานของภาครัฐควบคู่ไปด้วย สำนักงาน ก.พ. จึงเห็นควรดำเนินโครงการนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 1 พ.ค.2544
-สส-
1. โครงการที่ 1 ให้ได้รับเฉพาะการขอพระราชทานชั้นยศ หรือเลื่อนยศให้สูงขึ้นหนึ่งชั้นยศเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น
2. โครงการที่ 2 ให้ได้รับเงินขวัญถุงและเงินช่วยเหลือรายเดือนผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ ตลอดจนสิทธิประโยชน์อื่นตามโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตฯ
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. เสนอว่าโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต : เกษียณก่อนกำหนด รุ่นที่ 1 และ 2 ปีงบประมาณ 2543- 2544 ประสบความสำเร็จในการลดอัตรากำลังคนภาครัฐได้จำนวน 41,397 คน และยุบเลิกตำแหน่งได้ 31,406 อัตรา (มีข้าราชการครูเข้าร่วมโครงการฯ มากที่สุด คิดเป็น 54.56% ของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมดซึ่งได้มีการจัดสรรตำแหน่งข้าราชการครูคืนให้ประมาณ 20% ในแต่ละโครงการ) ทำให้รัฐสามารถประหยัดรายจ่ายด้านบุคคลในระยะยาว และประชาชนไม่ได้รับผบกระทบจากการลดอัตรากำลังตามมาตรการนี้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจและวิธีการบริหารงานของภาครัฐควบคู่ไปด้วย สำนักงาน ก.พ. จึงเห็นควรดำเนินโครงการนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 1 พ.ค.2544
-สส-