ทำเนียบรัฐบาล--26 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
อนุมัติปรับปรุงวงเงินงบประมาณและขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปรับปรุงวงเงินงบประมาณของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ตามโครงการก่อสร้างทางคู่เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,684.54 ล้านบาท และขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวไปจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม พร้อมกับมีความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
1. กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นควรสนับสนุน ดังนี้
1.1 ปรับปรุงวงเงินงบประมาณจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้จำนวน 578.60 ล้านบาท เป็น 1,494.08 ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจนถึงปีงบประมาณ 2547 สำหรับส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี
1.2 ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจนถึงปีงบประมาณ 2547 สำหรับทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม จำนวน 190.46 ล้านบาท นั้น ยังคงอยู่ในวงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิมจึงไม่จำเป็นต้องขอปรับปรุงวงเงินเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจน รฟท. ควรจัดทำรายละเอียดเพื่อขอปรับปรุงวงเงินสำหรับเส้นทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน - นครปฐม ทั้งเส้นทางจะเหมาะสมกว่า
1.3 กระทรวงการคลังมีข้อสังเกตว่า การเสนอโครงการที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการ โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาตามปกติทำให้ขาดความรอบคอบในการพิจารณารายละเอียดและวงเงินลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็ไม่สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทำให้ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติปรับปรุงวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นอีกมากดังเช่นโครงการดังกล่าวนี้
1.4 กระทรวงการคลังมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า ต่อไปเพื่อให้การพิจารณาโครงการมีความชัดเจน และสามารถชี้แจงความเป็นไปได้ของโครงการได้อย่างถูกต้อง เห็นว่า โครงการที่เสนอขอปรับปรุงวงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายเดิม สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นที่จะดำเนินโครงการต่อไป และหากหน่วยงานใดมีโครงการลงทุนในลักษณะดังกล่าวให้ดำเนินการเสนอ สศช. และคณะรัฐมนตรีตามลำดับโดยด่วน เพื่อขอปรับปรุงวงเงิน ทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นก่อนดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นผลผูกพันหรือภาระแก่ภาครัฐต่อไป
2. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
2.1 เห็นควรให้ความเห็นชอบในการปรับปรุงวงเงินงบประมาณ และขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไปจนถึงปีงบประมาณ 2547 ของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชีในเส้นทางสายเหนือ และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชันในเส้นทางสายใต้ ภายในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,684.54 ล้านบาท และ รฟท. ควรจัดเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้มีความสามารถเพียงพอที่จะใช้ในการดำเนินงาน และการบำรุงรักษาระบบอาณัติสัญญาณดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการต่อไป
2.2 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีข้อสังเกตว่า งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณที่เสนอขอดำเนินการในครั้งนี้จะต้องใช้เวลาดำเนินการถึง 26 เดือน ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จของงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณมีความล่าช้าไม่สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างงานโยธา และกำหนดการเปิดให้บริการเดินรถ ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพการให้บริการเดินรถของโครงการทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ดังนั้น จึงเห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการปรับแผนการดำเนินติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณของโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางอื่น ๆ ได้แก่ เส้นทางบ้านภาชี - ลพบุรี บ้านภาชี - มาบกะเบา และตลิ่งชัน - นครปฐม ให้มีความเหมาะสมและใกล้เคียงกับกำหนดแล้วเสร็จของงานโยธาด้วย
3. สำนักงบประมาณพิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
3.1 เห็นสมควรอนุมัติให้ รฟท. ดำเนินการจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ได้ในวงเงิน 1,684.54 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวงเงินงบประมาณเดิม ในส่วนของค่าอาณัติสัญญาณของทางคู่ในช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี วงเงิน 578.60 ล้านบาท เนื่องจากวงเงินเดิมเป็นการประมาณการโดยมิได้ศึกษารายละเอียด และเป็นประมาณการเพื่อเริ่มดำเนินการในปี 2539 ประกอบกับมีการเพิ่มปริมาณงานของทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน เข้ามาในคราวเดียวกัน และปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเนื้องานตามความจำเป็นของสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขอให้ รฟท. จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้วจำนวน 128 ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายในแต่ละปีอาจจะจัดสรรให้จากเงินงบประมาณ และ/หรือเงินกู้ภายในประเทศ (รัฐบาลรับภาระเงินต้นและดอกเบี้ย) ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 : 50 ตามหลักการเดิมของโครงการนี้ โดยในแต่ละปีอาจใช้เงินกู้ตามความจำเป็นในส่วนที่รัฐบาลไม่อาจจัดสรรงบประมาณให้ได้
3.2 สมควรอนุมัติให้ รฟท. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันของโครงการก่อสร้างทางคู่ จากเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ตั้งแต่ปี 2537 - ปี 2544 มาเป็นปี 2537 - ปี 2547 ได้ตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 ก.ค. 2543--
-สส-
อนุมัติปรับปรุงวงเงินงบประมาณและขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปรับปรุงวงเงินงบประมาณของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ตามโครงการก่อสร้างทางคู่เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,684.54 ล้านบาท และขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวไปจนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ พิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม พร้อมกับมีความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
1. กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เห็นควรสนับสนุน ดังนี้
1.1 ปรับปรุงวงเงินงบประมาณจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้จำนวน 578.60 ล้านบาท เป็น 1,494.08 ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจนถึงปีงบประมาณ 2547 สำหรับส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี
1.2 ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจนถึงปีงบประมาณ 2547 สำหรับทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม จำนวน 190.46 ล้านบาท นั้น ยังคงอยู่ในวงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิมจึงไม่จำเป็นต้องขอปรับปรุงวงเงินเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจน รฟท. ควรจัดทำรายละเอียดเพื่อขอปรับปรุงวงเงินสำหรับเส้นทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน - นครปฐม ทั้งเส้นทางจะเหมาะสมกว่า
1.3 กระทรวงการคลังมีข้อสังเกตว่า การเสนอโครงการที่หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการ โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาตามปกติทำให้ขาดความรอบคอบในการพิจารณารายละเอียดและวงเงินลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็ไม่สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทำให้ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติปรับปรุงวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นอีกมากดังเช่นโครงการดังกล่าวนี้
1.4 กระทรวงการคลังมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า ต่อไปเพื่อให้การพิจารณาโครงการมีความชัดเจน และสามารถชี้แจงความเป็นไปได้ของโครงการได้อย่างถูกต้อง เห็นว่า โครงการที่เสนอขอปรับปรุงวงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายเดิม สมควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นที่จะดำเนินโครงการต่อไป และหากหน่วยงานใดมีโครงการลงทุนในลักษณะดังกล่าวให้ดำเนินการเสนอ สศช. และคณะรัฐมนตรีตามลำดับโดยด่วน เพื่อขอปรับปรุงวงเงิน ทบทวนความเหมาะสมและความจำเป็นก่อนดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นผลผูกพันหรือภาระแก่ภาครัฐต่อไป
2. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
2.1 เห็นควรให้ความเห็นชอบในการปรับปรุงวงเงินงบประมาณ และขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไปจนถึงปีงบประมาณ 2547 ของส่วนงานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชีในเส้นทางสายเหนือ และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชันในเส้นทางสายใต้ ภายในวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,684.54 ล้านบาท และ รฟท. ควรจัดเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้มีความสามารถเพียงพอที่จะใช้ในการดำเนินงาน และการบำรุงรักษาระบบอาณัติสัญญาณดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการต่อไป
2.2 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีข้อสังเกตว่า งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณที่เสนอขอดำเนินการในครั้งนี้จะต้องใช้เวลาดำเนินการถึง 26 เดือน ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จของงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณมีความล่าช้าไม่สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างงานโยธา และกำหนดการเปิดให้บริการเดินรถ ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพการให้บริการเดินรถของโครงการทางคู่ในทางสามช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ดังนั้น จึงเห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการปรับแผนการดำเนินติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณของโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางอื่น ๆ ได้แก่ เส้นทางบ้านภาชี - ลพบุรี บ้านภาชี - มาบกะเบา และตลิ่งชัน - นครปฐม ให้มีความเหมาะสมและใกล้เคียงกับกำหนดแล้วเสร็จของงานโยธาด้วย
3. สำนักงบประมาณพิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้
3.1 เห็นสมควรอนุมัติให้ รฟท. ดำเนินการจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี และช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน ได้ในวงเงิน 1,684.54 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวงเงินงบประมาณเดิม ในส่วนของค่าอาณัติสัญญาณของทางคู่ในช่วงรังสิต - ชุมทางบ้านภาชี วงเงิน 578.60 ล้านบาท เนื่องจากวงเงินเดิมเป็นการประมาณการโดยมิได้ศึกษารายละเอียด และเป็นประมาณการเพื่อเริ่มดำเนินการในปี 2539 ประกอบกับมีการเพิ่มปริมาณงานของทางคู่ช่วงชุมทางบางซื่อ - ชุมทางตลิ่งชัน เข้ามาในคราวเดียวกัน และปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเนื้องานตามความจำเป็นของสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขอให้ รฟท. จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 ได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้วจำนวน 128 ล้านบาท ทั้งนี้ การจัดสรรค่าใช้จ่ายในแต่ละปีอาจจะจัดสรรให้จากเงินงบประมาณ และ/หรือเงินกู้ภายในประเทศ (รัฐบาลรับภาระเงินต้นและดอกเบี้ย) ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 : 50 ตามหลักการเดิมของโครงการนี้ โดยในแต่ละปีอาจใช้เงินกู้ตามความจำเป็นในส่วนที่รัฐบาลไม่อาจจัดสรรงบประมาณให้ได้
3.2 สมควรอนุมัติให้ รฟท. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันของโครงการก่อสร้างทางคู่ จากเดิมที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ตั้งแต่ปี 2537 - ปี 2544 มาเป็นปี 2537 - ปี 2547 ได้ตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 ก.ค. 2543--
-สส-