คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเพิกถอนใบอนุญาตตั้งโรงงาน ประกอบซ่อมแซม หรือเปลี่ยนลักษณะอาวุธสำหรับราชการทหารและตำรวจ ใบอนุญาตที่ 1/2543 ลงวันที่ 26 กันยายน 2543 ของบริษัท ไทย-อิตาเลี่ยน อินเตอร์อาร์ม จำกัด ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้กระทรวงกลาโหม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวีธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า ได้ออกใบอนุญาตให้บริษัท ไทย-อิตาเลี่ยน อินเตอร์อาร์ม จำกัดตั้งโรงงานทำอาวุธสำหรับราชการทหารและตำรวจ คือ อาวุธปืนพก ยี่ห้อเบเร็ตต้า รุ่น 92 เอฟเอส ขนาด 9 มิลลิเมตร (พาราเบลลั่ม) ใบอนุญาตที่ 1/2543 ลงวันที่ 26 กันยายน 2543 ใบอนุญาตมีอายุ 10 ปี ใช้ได้จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2553 โดยระบุเงื่อนไขในใบอนุญาตว่า “โรงงานนี้จะต้องเปิดดำเนินงานได้ภายใน 730 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต” โดยเงื่อนไขดังกล่าวครบกำหนดแล้ว เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2545 และกระทรวงกลาโหมผ่อนผันให้บริษัทฯ ส่งเอกสารพร้อมยื่นเรื่องขอขยายระยะเวลาการเปิดดำเนินงานตามระยะเวลาที่เห็นสมควรแล้ว แต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ประกอบกับกรรมการบริษัทฯ ขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากถูกดำเนินคดี ในข้อหามีอาวุธปืนฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และได้เปลี่ยนแปลงชื่อกรรมการบริษัทฯ พร้อมกับได้ลดทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 125 ล้านบาท และไม่สามารถส่งเอกสารแสดงแหล่งที่มาของเงินทุนได้
กระทรวงกลาโหมพิจารณาเห็นว่า บริษัทฯ ไม่พร้อมที่จะดำเนินกิจการ ขาดความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ในการดำเนินกิจการ ซึ่งมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของกระทรวงกลาโหมจึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตตั้งโรงงานอาวุธสำหรับราชการทหารและตำรวจ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า ได้ออกใบอนุญาตให้บริษัท ไทย-อิตาเลี่ยน อินเตอร์อาร์ม จำกัดตั้งโรงงานทำอาวุธสำหรับราชการทหารและตำรวจ คือ อาวุธปืนพก ยี่ห้อเบเร็ตต้า รุ่น 92 เอฟเอส ขนาด 9 มิลลิเมตร (พาราเบลลั่ม) ใบอนุญาตที่ 1/2543 ลงวันที่ 26 กันยายน 2543 ใบอนุญาตมีอายุ 10 ปี ใช้ได้จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2553 โดยระบุเงื่อนไขในใบอนุญาตว่า “โรงงานนี้จะต้องเปิดดำเนินงานได้ภายใน 730 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต” โดยเงื่อนไขดังกล่าวครบกำหนดแล้ว เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2545 และกระทรวงกลาโหมผ่อนผันให้บริษัทฯ ส่งเอกสารพร้อมยื่นเรื่องขอขยายระยะเวลาการเปิดดำเนินงานตามระยะเวลาที่เห็นสมควรแล้ว แต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ประกอบกับกรรมการบริษัทฯ ขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากถูกดำเนินคดี ในข้อหามีอาวุธปืนฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และได้เปลี่ยนแปลงชื่อกรรมการบริษัทฯ พร้อมกับได้ลดทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 125 ล้านบาท และไม่สามารถส่งเอกสารแสดงแหล่งที่มาของเงินทุนได้
กระทรวงกลาโหมพิจารณาเห็นว่า บริษัทฯ ไม่พร้อมที่จะดำเนินกิจการ ขาดความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ในการดำเนินกิจการ ซึ่งมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของกระทรวงกลาโหมจึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตตั้งโรงงานอาวุธสำหรับราชการทหารและตำรวจ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--