ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.พ.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลดราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในปริมาณคงเหลือ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ โดยลดราคาปุ๋ยเคมีทุกสูตรลงมาเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเคมีคงเหลือ (ปุ๋ยเก่า) และให้สามารถจำหน่ายแข่งขันกับปุ๋ยเอกชนได้ ซึ่งต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างจากการลดราคาโดยขอหักจากเงินชำระคืนค่าปุ๋ยโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2540/2541 ก่อนชำระคืนกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2542 มีปุ๋ยเคมีคงเหลือในคลังของ 3 หน่วยงาน จำนวน 101,354 ตัน แยกเป็น องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 57,204.90 ตัน ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด(ชสท.) 33,508.85 ตัน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 10,819.86 ตัน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลการสำรวจราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในท้องตลาด และจากการสำรวจตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยเคมีคงเหลือในคลังของ 3 หน่ายงานดังกล่าว ประกอบกับสถานการณ์ปุ๋ยเคมีในปี 2542 แล้ว เห็นว่าควรจะต้องลดราคาปุ๋ยเคมีคงเหลือทุกสูตรลงให้ต่ำกว่าราคาตลาดมากเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเคมีคงเหลือตามสภาพทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมี (ปุ๋ยเก่า) และให้สามารถจำหน่ายแข่งขันกับปุ๋ยเอกชนได้เพื่อเร่งระบายปุ๋ยให้หมดไปช่วงฤดูนาปีภาคใต้ และนาปรังภาคอื่น ๆ หากเก็บไว้เป็นเวลานานจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่สูญเสีย จึงสมควรที่จะลดราคาในปริมาณคงเหลือ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบให้ลดราคาได้ เพื่อให้มีการจำหน่ายปุ๋ยคงเหลืออย่างต่อเนื่อง หากเกษตรกรต้องการซื้อ สำหรับเงินชดเชยส่วนต่างจากการลดราคา สมควรที่จะหักจากเงินชำระคืนค่าปุ๋ยโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2540/41 ก่อนที่จะชำระคืนกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลดราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในปริมาณคงเหลือ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ โดยลดราคาปุ๋ยเคมีทุกสูตรลงมาเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเคมีคงเหลือ (ปุ๋ยเก่า) และให้สามารถจำหน่ายแข่งขันกับปุ๋ยเอกชนได้ ซึ่งต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างจากการลดราคาโดยขอหักจากเงินชำระคืนค่าปุ๋ยโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2540/2541 ก่อนชำระคืนกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2542 มีปุ๋ยเคมีคงเหลือในคลังของ 3 หน่วยงาน จำนวน 101,354 ตัน แยกเป็น องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 57,204.90 ตัน ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด(ชสท.) 33,508.85 ตัน และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 10,819.86 ตัน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลการสำรวจราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในท้องตลาด และจากการสำรวจตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยเคมีคงเหลือในคลังของ 3 หน่ายงานดังกล่าว ประกอบกับสถานการณ์ปุ๋ยเคมีในปี 2542 แล้ว เห็นว่าควรจะต้องลดราคาปุ๋ยเคมีคงเหลือทุกสูตรลงให้ต่ำกว่าราคาตลาดมากเพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเคมีคงเหลือตามสภาพทางกายภาพ และคุณสมบัติทางเคมี (ปุ๋ยเก่า) และให้สามารถจำหน่ายแข่งขันกับปุ๋ยเอกชนได้เพื่อเร่งระบายปุ๋ยให้หมดไปช่วงฤดูนาปีภาคใต้ และนาปรังภาคอื่น ๆ หากเก็บไว้เป็นเวลานานจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่สูญเสีย จึงสมควรที่จะลดราคาในปริมาณคงเหลือ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบให้ลดราคาได้ เพื่อให้มีการจำหน่ายปุ๋ยคงเหลืออย่างต่อเนื่อง หากเกษตรกรต้องการซื้อ สำหรับเงินชดเชยส่วนต่างจากการลดราคา สมควรที่จะหักจากเงินชำระคืนค่าปุ๋ยโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปี 2540/41 ก่อนที่จะชำระคืนกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543--