ร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก./2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่ง)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ซึ่งเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. /2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่ง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากสภาวะวิกฤตจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2542 ส่งผลให้ราคาน้ำมันโดยรวมในตลาดสูงขึ้นเรื่อยมา การนำก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สามารถขุดพบได้ภายในประเทศมาใช้ จึงเป็นมาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ และจะช่วยลดมลพิษในอากาศได้ในระดับหนึ่งด้วย เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีการเผาไหม้สะอาดกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น และในการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กรมทรัพยากรธรณี การปิโตเลียมแห่งประเทศไทย และสถาบันยานยนต์ ได้พิจารณาและมีมติให้ยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ติดตั้งในรถยนต์ที่จะเปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งในสถานีบริการก่อนอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งในโรงแยกก๊าซและอุปกรณ์ในการวางท่อก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากมีรายการไม่มากนัก
กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้ว เห็นควรปรับลดอัตราอากรการนำเข้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับติดตั้งในรถยนต์และใช้ในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันคือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2542, 5 ตุลาคม 2542, 28 มีนาคม 2543และ 5 กันยายน 2543 ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวประมาณการว่ารัฐจะสูญเสียรายได้เป็นเงิน 162 ล้านบาท (โดยคำนวณจากมูลค่าการนำเข้าในปี 2544 ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นหลัก) จึงได้เสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. /2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่ง) ซึ่งมีสาระสำคัญของร่างประกาศดังกล่าวคือ การปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับติดตั้งในรถยนต์และใช้ในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติและอุปกรณ์จำเป็นคือเครื่องอัดลมลูกสูบ
นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 มีข้อสังเกตว่าการปรับลดอัตราอากรดังกล่าวซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2543 และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ นั้น มีผลดีคือเป็นการลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และลดมลพิษในอากาศระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้เป็นเงินประมาณ 162 ล้านบาท ดังนั้น การเปรียบเทียบความคุ้มค่าของประโยชน์ที่ได้รับกับรายได้ที่เสียไปจะต้องมีการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณที่ชัดเจน เพื่อให้การตัดสินใจก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน จึงเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอข้อมูลวิเคราะห์เปรียบเทียบความคุ้มค่าดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 ส.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ซึ่งเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. /2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่ง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากสภาวะวิกฤตจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2542 ส่งผลให้ราคาน้ำมันโดยรวมในตลาดสูงขึ้นเรื่อยมา การนำก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สามารถขุดพบได้ภายในประเทศมาใช้ จึงเป็นมาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ และจะช่วยลดมลพิษในอากาศได้ในระดับหนึ่งด้วย เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีการเผาไหม้สะอาดกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น และในการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ กรมทรัพยากรธรณี การปิโตเลียมแห่งประเทศไทย และสถาบันยานยนต์ ได้พิจารณาและมีมติให้ยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ติดตั้งในรถยนต์ที่จะเปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งในสถานีบริการก่อนอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งในโรงแยกก๊าซและอุปกรณ์ในการวางท่อก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากมีรายการไม่มากนัก
กระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้ว เห็นควรปรับลดอัตราอากรการนำเข้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับติดตั้งในรถยนต์และใช้ในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันคือเครื่องอัดลมแบบลูกสูบ เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2542, 5 ตุลาคม 2542, 28 มีนาคม 2543และ 5 กันยายน 2543 ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวประมาณการว่ารัฐจะสูญเสียรายได้เป็นเงิน 162 ล้านบาท (โดยคำนวณจากมูลค่าการนำเข้าในปี 2544 ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นหลัก) จึงได้เสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง ที่ ศก. /2544 เรื่อง ยกเลิกการยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากร (ปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคการขนส่ง) ซึ่งมีสาระสำคัญของร่างประกาศดังกล่าวคือ การปรับลดอัตราอากรขาเข้าแก่อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับติดตั้งในรถยนต์และใช้ในสถานีบริการก๊าซธรรมชาติและอุปกรณ์จำเป็นคือเครื่องอัดลมลูกสูบ
นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 มีข้อสังเกตว่าการปรับลดอัตราอากรดังกล่าวซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2543 และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ นั้น มีผลดีคือเป็นการลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และลดมลพิษในอากาศระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้เป็นเงินประมาณ 162 ล้านบาท ดังนั้น การเปรียบเทียบความคุ้มค่าของประโยชน์ที่ได้รับกับรายได้ที่เสียไปจะต้องมีการวิเคราะห์ในเชิงปริมาณที่ชัดเจน เพื่อให้การตัดสินใจก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน จึงเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอข้อมูลวิเคราะห์เปรียบเทียบความคุ้มค่าดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 ส.ค.44--
-สส-