แท็ก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการ
คณะรัฐมนตรี
พระราชพิธี
5 ธันวา
ทำเนียบรัฐบาล--16 ม.ค.--นิวส์สแตนด์
การดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542" ของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542" ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เพื่อกำหนดเป็นโครงการแม่แบบโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (เยาวชนไทยในโรงเรียนประถมศึกษา) ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการดำเนินการเผยแพร่แนวทางและการปฏิบัตินี้ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เป็นการปลูกฝังคุณธรรมและเสริมสร้างคุณภาพของนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรหยั่งรากลึกเป็นมาตรการที่มีเครือข่ายกว้างขวางยั่งยืนในระบบการศึกษาของไทย ซึ่งโครงการนี้จะช่วยพัฒนาเด็กและเยาวชนของโรงเรียนต่าง ๆ ให้ถึงพร้อมด้วยคุณภาพ คุณธรรม และศักยภาพที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศในอนาคต ประกอบกับโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และกรอบทิศทางการพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยแล้ว และเป็นโครงการที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการอยู่แล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามโครงการดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. นับตั้งแต่ได้มีการเริ่มดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ" ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2542 นั้น การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการฯ ในระยะต่อมาได้เน้นให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการเชื่อมโยงเครือข่ายและการสร้างปฏิสัมพันธ์ ตลอดจนการก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ได้แก่
1.1 โรงเรียนนำร่อง 76 แห่งของโครงการฯ จากทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีนักเรียนในโครงการนำร่องนี้รวมประมาณ 67,000 คน
1.2 ฝ่ายต่างประเทศ ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศและของต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนชมรม/สมาคม/วัดไทยในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 100 แห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมมูลค่าที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนนำร่องต่าง ๆ ประมาณ 1 ล้านบาท
1.3 ภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ
1.4 ภาคสังคม ได้แก่ ชุมชน (ผู้ปกครอง/แม่บ้าน/วัด/ผู้นำชุมชน ฯลฯ) ของโรงเรียนนำร่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญว่า ผลของการดำเนินงานถักทอเครือข่าย/ปฏิสัมพันธ์ และกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้ง 4 ฝ่ายจะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนของโรงเรียนน่ร่อง จำนวนกว่า 67,000 คนเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยคุณภาพ คุณธรรม และศักยภาพที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเวทีระหว่างประเทศของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้ต่อไป
2. กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติได้ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของโรงเรียนนำร่องทั้ง 76 แห่ง อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ปรากฏว่ารูปแบบจากการดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ" ได้ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมเพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมในนักเรียนของโรงเรียน (แม้ว่าจะมีการดำเนินการอยู่บ้างแล้ว) ปรากฏผลสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น ประหนึ่งเป็น "การต่อยอดยังความสมบูรณ์" โดยนักเรียนมีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น เกิดพัฒนาการทางด้านพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อให้เกิดความสนใจ และได้รับการสนับสนุนจากคณะครู ผู้ปกครอง และชุมชนของโรงเรียนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผลในทางสร้างสรรค์หลาย ๆ ด้านก็ได้บังเกิดขึ้น อาทิ มีการเปิดโลกทัศน์ของนักเรียนที่กว้างยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ชาวต่างประเทศรวมทั้งชาวไทยในต่างประเทศสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสังคมไทย ตลอดจนมีส่วนช่วยสนับสนุน การเกิดกระบวนการและเครือข่ายของการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาคน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาคนเพื่อให้เกิดคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ศักยภาพ กอปรด้วยคุณธรรมและจริยธรรม จะเป็นผลโดยสมบูรณ์ได้ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ทั้งนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การดำเนินการนั้น ๆ ต้องมีความยั่งยืน ทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กล่าวได้ว่า ทุกคนมี "เดิมพัน" กับความสำเร็จของการพัฒนาคนในชาติ ฉะนั้นจึงพึงต้องร่วมมือกันในทุก ๆ ทางเพื่อให้การดำเนินการพัฒนาคนของชาติสัมฤทธิ์ผลขึ้น
3. จากผลสำเร็จนี้ปรากฏเป็นรูปธรรมชัดเจนต่าง ๆ ดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ จึงเห็นพ้องกันว่าแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว ควรกำหนดเป็นโครงการแม่แบบโครงการหนึ่งของรัฐบาล โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงศึกษาธิการ) เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 ม.ค. 2544--
-สส-
การดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542" ของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542" ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เพื่อกำหนดเป็นโครงการแม่แบบโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (เยาวชนไทยในโรงเรียนประถมศึกษา) ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการดำเนินการเผยแพร่แนวทางและการปฏิบัตินี้ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เป็นการปลูกฝังคุณธรรมและเสริมสร้างคุณภาพของนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรหยั่งรากลึกเป็นมาตรการที่มีเครือข่ายกว้างขวางยั่งยืนในระบบการศึกษาของไทย ซึ่งโครงการนี้จะช่วยพัฒนาเด็กและเยาวชนของโรงเรียนต่าง ๆ ให้ถึงพร้อมด้วยคุณภาพ คุณธรรม และศักยภาพที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศในอนาคต ประกอบกับโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และกรอบทิศทางการพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยแล้ว และเป็นโครงการที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการอยู่แล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้พิจารณาดำเนินการตามโครงการดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. นับตั้งแต่ได้มีการเริ่มดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ" ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2542 นั้น การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการฯ ในระยะต่อมาได้เน้นให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการเชื่อมโยงเครือข่ายและการสร้างปฏิสัมพันธ์ ตลอดจนการก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ ได้แก่
1.1 โรงเรียนนำร่อง 76 แห่งของโครงการฯ จากทุก ๆ จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งมีนักเรียนในโครงการนำร่องนี้รวมประมาณ 67,000 คน
1.2 ฝ่ายต่างประเทศ ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศและของต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนชมรม/สมาคม/วัดไทยในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 100 แห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมมูลค่าที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนนำร่องต่าง ๆ ประมาณ 1 ล้านบาท
1.3 ภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ
1.4 ภาคสังคม ได้แก่ ชุมชน (ผู้ปกครอง/แม่บ้าน/วัด/ผู้นำชุมชน ฯลฯ) ของโรงเรียนนำร่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญว่า ผลของการดำเนินงานถักทอเครือข่าย/ปฏิสัมพันธ์ และกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้ง 4 ฝ่ายจะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนของโรงเรียนน่ร่อง จำนวนกว่า 67,000 คนเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยคุณภาพ คุณธรรม และศักยภาพที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในเวทีระหว่างประเทศของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ได้ต่อไป
2. กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติได้ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของโรงเรียนนำร่องทั้ง 76 แห่ง อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ปรากฏว่ารูปแบบจากการดำเนินโครงการ "ยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ" ได้ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมเพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมในนักเรียนของโรงเรียน (แม้ว่าจะมีการดำเนินการอยู่บ้างแล้ว) ปรากฏผลสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น ประหนึ่งเป็น "การต่อยอดยังความสมบูรณ์" โดยนักเรียนมีความกระตือรือร้นเพิ่มขึ้น เกิดพัฒนาการทางด้านพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อให้เกิดความสนใจ และได้รับการสนับสนุนจากคณะครู ผู้ปกครอง และชุมชนของโรงเรียนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผลในทางสร้างสรรค์หลาย ๆ ด้านก็ได้บังเกิดขึ้น อาทิ มีการเปิดโลกทัศน์ของนักเรียนที่กว้างยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ชาวต่างประเทศรวมทั้งชาวไทยในต่างประเทศสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสังคมไทย ตลอดจนมีส่วนช่วยสนับสนุน การเกิดกระบวนการและเครือข่ายของการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาคน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาคนเพื่อให้เกิดคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ศักยภาพ กอปรด้วยคุณธรรมและจริยธรรม จะเป็นผลโดยสมบูรณ์ได้ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ทั้งนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การดำเนินการนั้น ๆ ต้องมีความยั่งยืน ทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง กล่าวได้ว่า ทุกคนมี "เดิมพัน" กับความสำเร็จของการพัฒนาคนในชาติ ฉะนั้นจึงพึงต้องร่วมมือกันในทุก ๆ ทางเพื่อให้การดำเนินการพัฒนาคนของชาติสัมฤทธิ์ผลขึ้น
3. จากผลสำเร็จนี้ปรากฏเป็นรูปธรรมชัดเจนต่าง ๆ ดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ จึงเห็นพ้องกันว่าแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าว ควรกำหนดเป็นโครงการแม่แบบโครงการหนึ่งของรัฐบาล โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงศึกษาธิการ) เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 ม.ค. 2544--
-สส-