สรุปรายงานความเสียหาย และการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปรายงานความเสียหาย และการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
1. สถานการณ์ทั่วไป
อุทกภัยที่เกิดขึ้นได้มีฝนตกมาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2544 โดยเฉพาะในวันที่ 10 สิงหาคม 2544ได้มีฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน หนองคาย ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และอุดรธานี สถานศึกษาหลายแห่งถูกน้ำท่วมพื้นที่ทั่วไป สนาม และอาคารเรียน ดังนั้น สถานศึกษาหลายแห่งต้องปิดเรียนเป็นการชั่วคราวในช่วงน้ำท่วม ในบางพื้นที่เมื่อน้ำลดลงแล้วสามารถฟื้นฟูและเปิดทำการได้ตามปกติ ความเสียหายมีไม่มากนัก สถานศึกษา และศาสนสถานในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ได้แก่ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากปริมาณน้ำมาก พัดเอาโคลนทับถมบ้านเรือนเสียหาย และศาสนสถาน โดยมีประชาชน ครู อาจารย์นักเรียน ตลอดจนพ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิตจำนวนมาก
2. การให้ความช่วยเหลือ
การให้ความช่วยเหลือ สถานศึกษาที่ได้รับน้ำท่วม ในเบื้องต้นหน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีนักเรียนและครูเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก มีหลายหน่วยงานเข้าไปดูแลช่วยเหลือเพื่อให้พ้นจากภาวะวิกฤติ
ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสิริกร มณีรินทร์) ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัยที่ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 10,000 บาท พร้อมได้มอบหมาย สั่งการให้กรมที่มีสถานศึกษาในสังกัดติดตามสถานการณ์ฝนตกและน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือสถานศึกษา ศาสนสถานและบุคลากรทางการศึกษาได้ทันที โดยกำหนดเป็นระยะเร่งด่วน และระยะยาวภายหลังน้ำลด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาก ดังนี้
ระยะเร่งด่วน ได้กำหนดให้ดำเนินการโดยด่วน ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยผู้ประสบภัยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อุดรธานี และจังหวัดอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม
2. ให้กรมที่มีสถานศึกษา เช่น สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษากรมการศาสนา กรมอาชีวศึกษา ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาเสื้อผ้า แบบเรียน รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตลอดจนทุนการศึกษาแก่ผู้ที่ต้องกำพร้าบิดาหรือมารดา
3. ให้จัดหางบประมาณสำหรับช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย และทรัพย์สินของราชการที่เสียหาย
4. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประสานงาน เพื่อการฟื้นฟูสภาพจิตใจของนักเรียนและครู โดยติดต่อประสานงานดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
5. มอบ กรมอาชีวศึกษาสนับสนุนด้านการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และการก่อสร้างห้องน้ำ เป็นต้น
ระยะยาว ได้กำหนดให้มีการดำเนินการ ดังนี้
1. ให้กรมต่าง ๆ ในสังกัดทำการสำรวจความเสียหายที่มีผลกระทบต่อสถานศึกษา หรือหน่วยงานทางราชการ ศาสนสถาน วัด ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้โดยด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และให้สามารถดำเนินการเรียนการสอน หรือปฏิบัติงานเป็นปกติโดยด่วนที่สุด ในชั้นต้นให้ใช้งบประมาณปกติของหน่วยงานไปดำเนินการได้ทันที
2. ให้ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกรม ติดตามและตรวจเยี่ยม สร้างขวัญและกำลังใจให้สถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัด ตลอดถึงบุคลากรที่ได้รับผลกระทบ
3. ให้กรม พิจารณาให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบในลักษณะการให้เป็นทุนการศึกษา การยกเว้นค่าบำรุงการศึกษา ตามสภาพและสถานะของความเสียหาย
4. ให้กรมการศาสนา สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กรมศิลปากร จัดกิจกรรมเพื่อปลอบขวัญให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ส.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปรายงานความเสียหาย และการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
1. สถานการณ์ทั่วไป
อุทกภัยที่เกิดขึ้นได้มีฝนตกมาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2544 โดยเฉพาะในวันที่ 10 สิงหาคม 2544ได้มีฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน หนองคาย ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และอุดรธานี สถานศึกษาหลายแห่งถูกน้ำท่วมพื้นที่ทั่วไป สนาม และอาคารเรียน ดังนั้น สถานศึกษาหลายแห่งต้องปิดเรียนเป็นการชั่วคราวในช่วงน้ำท่วม ในบางพื้นที่เมื่อน้ำลดลงแล้วสามารถฟื้นฟูและเปิดทำการได้ตามปกติ ความเสียหายมีไม่มากนัก สถานศึกษา และศาสนสถานในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ได้แก่ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากปริมาณน้ำมาก พัดเอาโคลนทับถมบ้านเรือนเสียหาย และศาสนสถาน โดยมีประชาชน ครู อาจารย์นักเรียน ตลอดจนพ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิตจำนวนมาก
2. การให้ความช่วยเหลือ
การให้ความช่วยเหลือ สถานศึกษาที่ได้รับน้ำท่วม ในเบื้องต้นหน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีนักเรียนและครูเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก มีหลายหน่วยงานเข้าไปดูแลช่วยเหลือเพื่อให้พ้นจากภาวะวิกฤติ
ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสิริกร มณีรินทร์) ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญผู้ประสบภัยที่ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 10,000 บาท พร้อมได้มอบหมาย สั่งการให้กรมที่มีสถานศึกษาในสังกัดติดตามสถานการณ์ฝนตกและน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือสถานศึกษา ศาสนสถานและบุคลากรทางการศึกษาได้ทันที โดยกำหนดเป็นระยะเร่งด่วน และระยะยาวภายหลังน้ำลด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาก ดังนี้
ระยะเร่งด่วน ได้กำหนดให้ดำเนินการโดยด่วน ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยผู้ประสบภัยที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อุดรธานี และจังหวัดอื่น ๆ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม
2. ให้กรมที่มีสถานศึกษา เช่น สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษากรมการศาสนา กรมอาชีวศึกษา ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาเสื้อผ้า แบบเรียน รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตลอดจนทุนการศึกษาแก่ผู้ที่ต้องกำพร้าบิดาหรือมารดา
3. ให้จัดหางบประมาณสำหรับช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย และทรัพย์สินของราชการที่เสียหาย
4. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องประสานงาน เพื่อการฟื้นฟูสภาพจิตใจของนักเรียนและครู โดยติดต่อประสานงานดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
5. มอบ กรมอาชีวศึกษาสนับสนุนด้านการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และการก่อสร้างห้องน้ำ เป็นต้น
ระยะยาว ได้กำหนดให้มีการดำเนินการ ดังนี้
1. ให้กรมต่าง ๆ ในสังกัดทำการสำรวจความเสียหายที่มีผลกระทบต่อสถานศึกษา หรือหน่วยงานทางราชการ ศาสนสถาน วัด ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้โดยด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และให้สามารถดำเนินการเรียนการสอน หรือปฏิบัติงานเป็นปกติโดยด่วนที่สุด ในชั้นต้นให้ใช้งบประมาณปกติของหน่วยงานไปดำเนินการได้ทันที
2. ให้ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกรม ติดตามและตรวจเยี่ยม สร้างขวัญและกำลังใจให้สถานศึกษาและหน่วยงานในสังกัด ตลอดถึงบุคลากรที่ได้รับผลกระทบ
3. ให้กรม พิจารณาให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบในลักษณะการให้เป็นทุนการศึกษา การยกเว้นค่าบำรุงการศึกษา ตามสภาพและสถานะของความเสียหาย
4. ให้กรมการศาสนา สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กรมศิลปากร จัดกิจกรรมเพื่อปลอบขวัญให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ส.ค.44--
-สส-