1. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับระหว่างไทย – ลักเซมเบิร์ก ฉบับลงนาม วันที่ 13 ธันวาคม 2549 และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและลักเซมเบิร์ก
2. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้ กต. สามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจลับฯ และหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูต มีรายละเอียดเช่นเดียวกับที่ได้เสนอในปี 2555 ดังนี้
ประเด็น/สาระสำคัญ
- ปรับปรุงหลักการคุณสมบัติของสายการบินที่กำหนดของลักเซมเบิร์ก พร้อมทั้งข้อกำหนดเงื่อนไขของการปฏิเสธ เพิกถอน ระงับใช้ หรือจำกัดการอนุญาตการทำการบินของสายการบินเพื่อให้เป็นตามหลักการที่ไทยได้จัดทำกับประเทศสมาชิกอื่นในประชาคมยุโรป
- คุณสมบัติของสายการบินที่กำหนดของฝ่ายไทยและเงื่อนไขการเพิกถอนฯ ดังกล่าว ยังคงเป็นไปตามหลักการเดิมที่ตกลงไว้
- เพิ่มข้อบทความปลอดภัยการบินและการรักษาความปลอดภัยการบินซึ่งเนื้อหาเป็นไปตามร่างแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศและร่างมาตรฐานของไทย รวมทั้งระบุสิทธิการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินให้สอดคล้องตามกฎหมายประชาคมยุโรป
- เพิ่มความจุความถี่จากเดิมฝ่ายละ 9 เที่ยว / สัปดาห์ เป็นฝ่ายละ 14 เที่ยว / สัปดาห์
- เพิ่มเติมข้อความเพื่อให้เป็นไปตามร่างข้อบทฯ ที่ไทยได้จัดทำกับประเทศอื่นในประชาคมยุโรป คือ
1. นิยามคำว่า พิกัดอัตราค่าขนส่ง”
2. ระบุเรื่องการไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลคำขออนุญาตใช้พิกัดอัตราค่าขนส่งแก่หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง
- ปรับปรุงแก้ไขข้อบทพิกัดอัตราค่าขนส่งให้สอดคล้องตามกฎหมายประชาคมยุโรป คือ
1. ให้สายการบินกำหนดอัตราค่าขนส่งได้เองตามปัจจัยทางการตลาดและค่าขนส่งระหว่างจุดภายในประชาคมยุโรปให้เป็นตามกฎหมายของประเทศสมาชิกประชาคมยุโรป
2. ให้ภาคีแต่ละฝ่ายกำหนดให้สายการบินแจ้งพิกัดอัตราค่าขนส่งมาเพื่อขออนุมัติก่อนจะนำไปใช้เรียกเก็บได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มีนาคม 2559--