แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กระทรวงการต่างประเทศ
ร่างพระราชบัญญัติ
สภาผู้แทนราษฎร
กระทรวงคมนาคม
คณะรัฐมนตรี
ทำเนียบรัฐบาล--7 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะช่วยทำให้ระบบกฎหมายพาณิชยนาวีของไทยสมบูรณ์และสอดคล้องกับแนวกฎหมายสากลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้มีการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลโดยมีค่าตอบแทนเป็นแรงจูงใจ ซึ่งอาจเป็นผลให้มีการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่เรือ ทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม หรือลดความเสียหายให้น้อยที่สุดซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับกับการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลที่กระทำขึ้นในน่านน้ำภายใน โดยไม่มีเรือนำเข้ามาเกี่ยวข้องและเรือที่เกี่ยวข้องทุกลำที่มิใช่เรือเดินทะเล เรือรบ หรือเรืออื่นของรัฐที่ไม่ได้ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการพาณิชย์ แท่นที่ตั้งอยู่กับที่หรือลอยน้ำหรือฐานขุดเจาะในทะเลที่เคลื่อนที่ได้ หากแท่นหรือฐานขุดเจาะนั้นอยู่ในที่ตั้งสำหรับการสำรวจ แสวงประโยชน์หรือผลิตทรัพยากรแร่ธาตุใต้ท้องทะเล
2. ความในพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบถึงการใช้อำนาจขององค์กรของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลหรือเพื่อคุ้มครองชายฝั่งทะเลหรือผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องจากมลพิษหรือการคุมคามของมลพิษอันเนื่องจากอุบัติภัยทางทะเลหรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับอุบัติภัยนั้น ซึ่งอาจคาดหมายได้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างเห็นได้ชัด
3. คดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เสนอต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
4. นายเรือมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือบุคคลที่ตกอยู่ภายในภยันตรายแห่งชีวิตในทะเลตามความสามารถที่จะกระทำได้ หากไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงแก่เรือและบุคคลบนเรือของตน เจ้าของเรือไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายเรือในผลแห่งการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
5. ค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ได้แก่ เงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยและค่าทดแทนพิเศษ
6. ผู้ช่วยเหลือกู้ภัยอาจเสียสิทธิในการได้รับเงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยไปทั้งหมดหรือบางส่วน หากการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลนั้นจำเป็นต้องมีขึ้นหรือต้องยากขึ้นเพราะความผิดของผู้ช่วยเหลือกู้ภัย ถ้าผู้ช่วยเหลือกู้ภัยมีพฤติการณ์ฉ้อฉลหรือไม่ทุจริต ให้สิ้นสิทธิในการได้รับเงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยไปโดยสิ้นเชิง
7. ทรัพย์สินของรัฐซึ่งได้รับความคุ้มกันตามหลักทั่วไปแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายไทยย่อมไม่ตกอยู่ภายใต้การยึด กัก หรือหน่วงเหนี่ยวตามกระบวนการของกฎหมายหรือการฟ้องคดีเอาจากทรัพย์สินนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่รัฐซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นให้ความยินยอม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 มิถุนายน 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะช่วยทำให้ระบบกฎหมายพาณิชยนาวีของไทยสมบูรณ์และสอดคล้องกับแนวกฎหมายสากลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้มีการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลโดยมีค่าตอบแทนเป็นแรงจูงใจ ซึ่งอาจเป็นผลให้มีการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่เรือ ทรัพย์สินหรือสิ่งแวดล้อม หรือลดความเสียหายให้น้อยที่สุดซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับกับการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลที่กระทำขึ้นในน่านน้ำภายใน โดยไม่มีเรือนำเข้ามาเกี่ยวข้องและเรือที่เกี่ยวข้องทุกลำที่มิใช่เรือเดินทะเล เรือรบ หรือเรืออื่นของรัฐที่ไม่ได้ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการพาณิชย์ แท่นที่ตั้งอยู่กับที่หรือลอยน้ำหรือฐานขุดเจาะในทะเลที่เคลื่อนที่ได้ หากแท่นหรือฐานขุดเจาะนั้นอยู่ในที่ตั้งสำหรับการสำรวจ แสวงประโยชน์หรือผลิตทรัพยากรแร่ธาตุใต้ท้องทะเล
2. ความในพระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบถึงการใช้อำนาจขององค์กรของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อกำหนดแนวทางสำหรับการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลหรือเพื่อคุ้มครองชายฝั่งทะเลหรือผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องจากมลพิษหรือการคุมคามของมลพิษอันเนื่องจากอุบัติภัยทางทะเลหรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับอุบัติภัยนั้น ซึ่งอาจคาดหมายได้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างเห็นได้ชัด
3. คดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เสนอต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
4. นายเรือมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือบุคคลที่ตกอยู่ภายในภยันตรายแห่งชีวิตในทะเลตามความสามารถที่จะกระทำได้ หากไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงแก่เรือและบุคคลบนเรือของตน เจ้าของเรือไม่ต้องร่วมรับผิดกับนายเรือในผลแห่งการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
5. ค่าตอบแทนการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเล ได้แก่ เงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยและค่าทดแทนพิเศษ
6. ผู้ช่วยเหลือกู้ภัยอาจเสียสิทธิในการได้รับเงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยไปทั้งหมดหรือบางส่วน หากการช่วยเหลือกู้ภัยทางทะเลนั้นจำเป็นต้องมีขึ้นหรือต้องยากขึ้นเพราะความผิดของผู้ช่วยเหลือกู้ภัย ถ้าผู้ช่วยเหลือกู้ภัยมีพฤติการณ์ฉ้อฉลหรือไม่ทุจริต ให้สิ้นสิทธิในการได้รับเงินรางวัลการช่วยเหลือกู้ภัยไปโดยสิ้นเชิง
7. ทรัพย์สินของรัฐซึ่งได้รับความคุ้มกันตามหลักทั่วไปแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายไทยย่อมไม่ตกอยู่ภายใต้การยึด กัก หรือหน่วงเหนี่ยวตามกระบวนการของกฎหมายหรือการฟ้องคดีเอาจากทรัพย์สินนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่รัฐซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นให้ความยินยอม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 6 มิถุนายน 2543--
-สส-