คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศและพิธีสารเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1373 (ค.ศ. 2001) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. ตามที่วรรคปฏิบัติการที่ 3 (D) ของข้อมติคณะมนตรีความมั่งคงฯ ดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐทั้งปวงเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายโดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 ฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ. 1999 (International Convention for the Suppression of the Financing of Terrorism) นั้น ปัจจุบันประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแล้ว 4 ฉบับ ได้แก่
1.1 อนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำอื่น ๆ บางประการ ซึ่งกระทำบนอากาศยาน ค.ศ. 1963 (Convention on Offences and Certain Other Acts Committed on Board Aircraft, Tokyo, 14 September 1963)
1.2 อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการยึดอากาศยานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ค.ศ.1970 (Convention for the Suppression of Unlawful Seizure of Aircraft, the Hague, 16 December 1970)
1.3 อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน ค.ศ.1971 (Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, Montreal, 23 September 1971)
1.4 พิธีสารเพื่อการปราบปรามการกระทำอันรุนแรงอันมิชอบด้วยกฎหมาย ณ ท่าอากาศยาน ซึ่งให้บริการการบินพลเรือนระหว่างประเทศเพิ่มเติมต่อจากอนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน (Protocol for the Suppression of Unlawful Acts of Violence at Airport Serving International Civil Aviation. Supplementary to the Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, 24 February 1988)
ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ และพิธีสารทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวข้างต้นจัดทำขึ้นในกรอบขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) โดยประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2538 เป็นกฎหมายรองรับแล้ว
2. สำหรับอนุสัญญาที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายสากลอีก 8 ฉบับที่ไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคี นั้น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้ความสำคัญลำดับแรกสุดแก่การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ.1999 ซึ่งเป็นอนุสัญญาฯ ส่วนการจัดลำดับความสำคัญของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ที่เหลืออีก 7 ฉบับนั้น ควรให้เป็นไปตามความพร้อมของประเทศไทย โดยให้แต่ละส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า จะต้องปรับปรุงแก้ไข หรือต้องตรากฎหมายใหม่หรือไม่เพียงใด ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือในเรื่องนี้ต่อไป
3. อนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ.1999 มีสาระสำคัญดังนี้
โดยที่อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ได้เปิดให้มีการลงนามด้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2544 นี้ กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า เพื่อเป็นการแสงดท่าทีและความพร้อมของไทยในการให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการปราบปรามการก่อการร้ายสากลในกรอบของสหประชาชาติตามข้อมติดังกล่าว และเมื่อคำนึงถึงกฎหมายที่ไทยมีและกำลังปรับปรุงแก้ไขโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงที่ 1373 (ค.ศ. 2001) ประเทศไทยน่าจะลงนามในอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ภายในเวลาดังกล่าวข้างต้นได้ที่องค์การสหประชาชาติในโอกาสเยือนสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนครนิวยอร์กของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงและเจตนารมย์ของไทยที่จะผูกพันเข้าเป็นภาคีโดยสมบูรณ์ของอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ต่อไปในอนาคตด้วย ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ฉบับนี้จะยังไมผูกพันไทยจนกว่าจะมีการให้สัตยาบันและประเทศไทยได้แก้กฎหมายเพื่อรองรับอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เสร็จสิ้นลงแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. ตามที่วรรคปฏิบัติการที่ 3 (D) ของข้อมติคณะมนตรีความมั่งคงฯ ดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐทั้งปวงเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาและพิธีสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายโดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 ฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ. 1999 (International Convention for the Suppression of the Financing of Terrorism) นั้น ปัจจุบันประเทศไทยเข้าเป็นภาคีแล้ว 4 ฉบับ ได้แก่
1.1 อนุสัญญาว่าด้วยความผิดและการกระทำอื่น ๆ บางประการ ซึ่งกระทำบนอากาศยาน ค.ศ. 1963 (Convention on Offences and Certain Other Acts Committed on Board Aircraft, Tokyo, 14 September 1963)
1.2 อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการยึดอากาศยานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ค.ศ.1970 (Convention for the Suppression of Unlawful Seizure of Aircraft, the Hague, 16 December 1970)
1.3 อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน ค.ศ.1971 (Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, Montreal, 23 September 1971)
1.4 พิธีสารเพื่อการปราบปรามการกระทำอันรุนแรงอันมิชอบด้วยกฎหมาย ณ ท่าอากาศยาน ซึ่งให้บริการการบินพลเรือนระหว่างประเทศเพิ่มเติมต่อจากอนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อความปลอดภัยของการบินพลเรือน (Protocol for the Suppression of Unlawful Acts of Violence at Airport Serving International Civil Aviation. Supplementary to the Convention for the Suppression of Unlawful Acts against the Safety of Civil Aviation, 24 February 1988)
ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ และพิธีสารทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวข้างต้นจัดทำขึ้นในกรอบขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) โดยประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2538 เป็นกฎหมายรองรับแล้ว
2. สำหรับอนุสัญญาที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายสากลอีก 8 ฉบับที่ไทยยังไม่ได้เข้าเป็นภาคี นั้น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้ความสำคัญลำดับแรกสุดแก่การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ.1999 ซึ่งเป็นอนุสัญญาฯ ส่วนการจัดลำดับความสำคัญของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ที่เหลืออีก 7 ฉบับนั้น ควรให้เป็นไปตามความพร้อมของประเทศไทย โดยให้แต่ละส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า จะต้องปรับปรุงแก้ไข หรือต้องตรากฎหมายใหม่หรือไม่เพียงใด ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะได้เชิญหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือในเรื่องนี้ต่อไป
3. อนุสัญญาว่าด้วยการปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ค.ศ.1999 มีสาระสำคัญดังนี้
โดยที่อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ได้เปิดให้มีการลงนามด้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2544 นี้ กระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า เพื่อเป็นการแสงดท่าทีและความพร้อมของไทยในการให้ความร่วมมือกับประชาคมโลกในการปราบปรามการก่อการร้ายสากลในกรอบของสหประชาชาติตามข้อมติดังกล่าว และเมื่อคำนึงถึงกฎหมายที่ไทยมีและกำลังปรับปรุงแก้ไขโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงที่ 1373 (ค.ศ. 2001) ประเทศไทยน่าจะลงนามในอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ภายในเวลาดังกล่าวข้างต้นได้ที่องค์การสหประชาชาติในโอกาสเยือนสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนครนิวยอร์กของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงและเจตนารมย์ของไทยที่จะผูกพันเข้าเป็นภาคีโดยสมบูรณ์ของอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ต่อไปในอนาคตด้วย ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ฉบับนี้จะยังไมผูกพันไทยจนกว่าจะมีการให้สัตยาบันและประเทศไทยได้แก้กฎหมายเพื่อรองรับอนุสัญญาฯ ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เสร็จสิ้นลงแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-