การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดชำระคืนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จำนวน 90,000 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา การปรับโครงสร้างหนี้ และขยายระยะเวลาการชำระหนี้หรือลดภาระหนี้เดิมได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม สำหรับหนี้ ที่จะครบกำหนดชำระดังกล่าวในเดือนธันวาคม 2544 มีจำนวน 30,000ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2545 มีจำนวน 50,000 ล้านบาท และในเดือนมิถุนายน 2545 มีจำนวน 10,000 ล้านบาทโดยการออกพันธบัตรหรือตราสารอื่น ตลอดจนการทำสัญญากู้ได้เป็นคราว ๆ ไป ส่วนในการกู้เงินเพื่อการนี้ ในแต่ละครั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย การจัดการและวิธีการที่เกี่ยวกับการกู้เงินแต่ละคราว และระยะเวลาชำระต้นเงินคืนได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จะมีพันธบัตรรัฐบาลที่ออกจำหน่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541ครบกำหนดชำระคืน จำนวน 90,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.1 พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ 2542/5/1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี ครบกำหนดชำระคืนวันที่ 8 ธันวาคม 2544 จำนวน 30,000 ล้านบาท
1.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 2542/2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.125 ต่อปีครบกำหนดชำระคืนวันที่ 12 เมษายน 2545 จำนวน 50,000 ล้านบาท
1.3 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 2542/4 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปีครบกำหนดชำระคืนวันที่ 15 มิถุนายน 2545 จำนวน 10,000 ล้านบาท
2. ปัจจุบันกองทุนฯ ดังกล่าวมีเงินเหลืออยู่ 32.95 ล้านบาท จำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตราสารหนี้ใหม่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 20 พ.ย. 44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดชำระคืนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จำนวน 90,000 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา การปรับโครงสร้างหนี้ และขยายระยะเวลาการชำระหนี้หรือลดภาระหนี้เดิมได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม สำหรับหนี้ ที่จะครบกำหนดชำระดังกล่าวในเดือนธันวาคม 2544 มีจำนวน 30,000ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2545 มีจำนวน 50,000 ล้านบาท และในเดือนมิถุนายน 2545 มีจำนวน 10,000 ล้านบาทโดยการออกพันธบัตรหรือตราสารอื่น ตลอดจนการทำสัญญากู้ได้เป็นคราว ๆ ไป ส่วนในการกู้เงินเพื่อการนี้ ในแต่ละครั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย การจัดการและวิธีการที่เกี่ยวกับการกู้เงินแต่ละคราว และระยะเวลาชำระต้นเงินคืนได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จะมีพันธบัตรรัฐบาลที่ออกจำหน่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541ครบกำหนดชำระคืน จำนวน 90,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.1 พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ 2542/5/1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.25 ต่อปี ครบกำหนดชำระคืนวันที่ 8 ธันวาคม 2544 จำนวน 30,000 ล้านบาท
1.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 2542/2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.125 ต่อปีครบกำหนดชำระคืนวันที่ 12 เมษายน 2545 จำนวน 50,000 ล้านบาท
1.3 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 2542/4 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.75 ต่อปีครบกำหนดชำระคืนวันที่ 15 มิถุนายน 2545 จำนวน 10,000 ล้านบาท
2. ปัจจุบันกองทุนฯ ดังกล่าวมีเงินเหลืออยู่ 32.95 ล้านบาท จำเป็นจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยการออกตราสารหนี้ใหม่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 20 พ.ย. 44--
-สส-