ทำเนียบรัฐบาล--28 พ.ย..--นิวส์สแตนด์
การกำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) เสนอ การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่จะทำสัญญาคู่กับสัญญาภายนอก โดยในสัญญามีข้อสัญญาเกี่ยวกับการรักษาความลับของข้อสัญญา หน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณากำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ไว้ในสัญญาด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) รายงานว่า
1. องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้หารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าในกรณีที่องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) จะต้องเปิดเผยข้อมูลตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ปรส. จะสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้ข้อมูลที่เปิดเผยดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสรุปได้ ดังนี้
1.1 กรณีดังกล่าวไม่สามารถอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 (2) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มากำหนดเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารที่ ปรส. จะเปิดเผยได้ เนื่องจากมาตรา 20 (2) มิใช่เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจแก่ ปรส. ในการที่จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
1.2 แม้ข้อมูลที่ ปรส. เปิดเผยนั้น จะมีข้อสัญญาระบุให้คู่สัญญารักษาข้อมูลไว้เป็นความลับก็ตามแต่เมื่อกรณีนี้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีคำวินิจฉัยให้ ปรส. เปิดเผยสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ปรส. จึงย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามและถือว่าเป็นการเปิดเผยตามกฎหมาย และเมื่อสัญญาได้กำหนดข้อยกเว้นของการเปิดเผยข้อมูลในสัญญาไว้แล้วว่า คู่สัญญา (ปรส.) สามารถเปิดเผยได้ถ้าเป็นการเปิดเผยตามกฎหมาย การเปิดเผยข้อมูลตามสัญญานี้จึงไม่เป็นการผิดหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาที่ ปรส. จะต้องมีความผิดแต่ประการใด
2. ในการพิจารณาตอบข้อหารือตามข้อ 1. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้มีข้อเสนอเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการอาจพิจารณาออกหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ที่จะทำสัญญากับคู่สัญญาภายนอก โดยในสัญญามีข้อสัญญาเกี่ยวกับการรักษาความลับของสัญญาว่า หน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาถึงการกำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ด้วย
3. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมครั้งที่ 8/2543 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2543พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ดังกล่าว ทั้งนี้ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อสั่งการและกำชับให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 พ.ย. 2543--
-สส-
การกำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) เสนอ การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่จะทำสัญญาคู่กับสัญญาภายนอก โดยในสัญญามีข้อสัญญาเกี่ยวกับการรักษาความลับของข้อสัญญา หน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณากำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ไว้ในสัญญาด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ) รายงานว่า
1. องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ได้หารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าในกรณีที่องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) จะต้องเปิดเผยข้อมูลตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ปรส. จะสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้ข้อมูลที่เปิดเผยดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นสรุปได้ ดังนี้
1.1 กรณีดังกล่าวไม่สามารถอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 (2) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มากำหนดเงื่อนไขในการใช้ข้อมูลข่าวสารที่ ปรส. จะเปิดเผยได้ เนื่องจากมาตรา 20 (2) มิใช่เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจแก่ ปรส. ในการที่จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
1.2 แม้ข้อมูลที่ ปรส. เปิดเผยนั้น จะมีข้อสัญญาระบุให้คู่สัญญารักษาข้อมูลไว้เป็นความลับก็ตามแต่เมื่อกรณีนี้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้มีคำวินิจฉัยให้ ปรส. เปิดเผยสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ ปรส. จึงย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามและถือว่าเป็นการเปิดเผยตามกฎหมาย และเมื่อสัญญาได้กำหนดข้อยกเว้นของการเปิดเผยข้อมูลในสัญญาไว้แล้วว่า คู่สัญญา (ปรส.) สามารถเปิดเผยได้ถ้าเป็นการเปิดเผยตามกฎหมาย การเปิดเผยข้อมูลตามสัญญานี้จึงไม่เป็นการผิดหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญาที่ ปรส. จะต้องมีความผิดแต่ประการใด
2. ในการพิจารณาตอบข้อหารือตามข้อ 1. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ได้มีข้อเสนอเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการอาจพิจารณาออกหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ที่จะทำสัญญากับคู่สัญญาภายนอก โดยในสัญญามีข้อสัญญาเกี่ยวกับการรักษาความลับของสัญญาว่า หน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาถึงการกำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ด้วย
3. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมครั้งที่ 8/2543 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2543พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) ดังกล่าว ทั้งนี้ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อสั่งการและกำชับให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 28 พ.ย. 2543--
-สส-