ทำเนียบรัฐบาล--16 พ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดบทนิยามคำว่า "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
2. กำหนดให้รายได้ที่ อ.ส.ม.ท. ได้รับในปีหนึ่ง ๆ ให้ตกเป็นของ อ.ส.ม.ท. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงาน ค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสมแล้วเหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
3. ให้ยกเลิกมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2520 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้ก่อนจะส่งรายได้ของ อ.ส.ม.ท. เป็นรายได้ของรัฐ ให้คณะกรรมการจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของรายได้ที่เหลือเป็นเงินอุดหนุนรายปีให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยของกรมประชาสัมพันธ์
4. กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาบุคคลซึ่งเหมาะสม มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อทำสัญญาจ้างเป็นผู้อำนวยการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการกำหนดเงื่อนไขอื่นในการทดลองปฏิบัติงาน หรือการทำงานในหน้าที่ผู้อำนวยการ ให้เป็นไปตามแบบสัญญาจ้างที่คณะกรรมการกำหนดโดยให้มีอายุการจ้างคราวละสี่ปี และเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาจ้าง คณะกรรมการจะต่ออายุสัญญาจ้างอีกก็ได้ แต่ต้องไม่เกินสองคราวติดต่อกัน การกำหนดค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างผู้อำนวยการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
5. กำหนดให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าคณะกรรมการจะกำหนดให้มาทำสัญญาจ้าง โดยให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการต่อไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจ้าง และให้พ้นจากฐานะการเป็นพนักงานนับแต่วันทำสัญญาจ้าง แต่ถ้าไม่มาทำสัญญาจ้างตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดให้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการและพนักงานนับแต่วันดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 พฤษภาคม 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. กำหนดบทนิยามคำว่า "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย
2. กำหนดให้รายได้ที่ อ.ส.ม.ท. ได้รับในปีหนึ่ง ๆ ให้ตกเป็นของ อ.ส.ม.ท. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงาน ค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสมแล้วเหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ
3. ให้ยกเลิกมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2520 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้ก่อนจะส่งรายได้ของ อ.ส.ม.ท. เป็นรายได้ของรัฐ ให้คณะกรรมการจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละสิบของรายได้ที่เหลือเป็นเงินอุดหนุนรายปีให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยของกรมประชาสัมพันธ์
4. กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาบุคคลซึ่งเหมาะสม มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามสำหรับการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อทำสัญญาจ้างเป็นผู้อำนวยการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และการกำหนดเงื่อนไขอื่นในการทดลองปฏิบัติงาน หรือการทำงานในหน้าที่ผู้อำนวยการ ให้เป็นไปตามแบบสัญญาจ้างที่คณะกรรมการกำหนดโดยให้มีอายุการจ้างคราวละสี่ปี และเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาจ้าง คณะกรรมการจะต่ออายุสัญญาจ้างอีกก็ได้ แต่ต้องไม่เกินสองคราวติดต่อกัน การกำหนดค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างผู้อำนวยการให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
5. กำหนดให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าคณะกรรมการจะกำหนดให้มาทำสัญญาจ้าง โดยให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการต่อไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจ้าง และให้พ้นจากฐานะการเป็นพนักงานนับแต่วันทำสัญญาจ้าง แต่ถ้าไม่มาทำสัญญาจ้างตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนดให้พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการและพนักงานนับแต่วันดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 พฤษภาคม 2543--
-สส-