ทำเนียบรัฐบาล--11 ม.ค.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และปรับปรุงแก้ไขในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2534 ดังนี้
1. กำหนดให้ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้โดยตำแหน่ง
2. ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
3. กำหนดให้กรรมการและอนุกรรมการเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
4. กำหนดให้กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามพระราชบัญญัตินี้
5. กำหนดให้ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นหน่วยงานในสังกัดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม และปรับปรุงอำนาจและหน้าที่ของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น
6. จัดตั้งองค์กรศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยนำบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพไปรวมไว้ในหมวด 2 ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ
7. กำหนดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาไปยังศาลภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้นมาฃถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งส่งตัวผู้นั้นไปยังศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพที่อยู่ในเขตอำนาจเพื่อดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และเมื่อศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพได้รับตัวผู้ต้องหาเข้าเป็นผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์แล้ว จะต้องจัดทำบันทึกประวัติและตรวจพิสูจน์ว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์นั้นติดยาเสพติดหรือไม่โดยเร็ว แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที่รับตัวผู้นั้นไว้ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็น หรือเหตุอันสมควรที่ไม่อาจตรวจพิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ก็ให้คณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพมีอำนาจอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการตรวจพิสูจน์ออกไปได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับตัวผู้นั้นไว้
8. กำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์อาจได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยคณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพได้
9. กำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ซึ่งหลบหนีการควบคุมหรือหลบหนีออกนอกเขตศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในระหว่างการตรวจพิสูจน์ เป็นผู้หลบหนีการคุมขังตามมาตรา 190 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
10. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับตัวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวที่ไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนระเบียบ เงื่อนไข หรือข้อบังคับที่กำหนด และให้ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพมีอำนาจลงโทษบุคคลดังกล่าวตามมาตรา 32 ได้
11. กำหนดให้มีการดำเนินคดีแก่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่ไม่อยู่ในสภาพที่จะฟื้นฟูได้ต่อไป เพื่อให้ระบบบังคับบำบัดผู้ติดยาเสพติดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
12. กำหนดอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตลอดจนกำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้
13. ปรับปรุงบทกำหนดโทษเพื่อให้การบังคับใช้พระราชบัญญัตินี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และให้คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบความผิดบางประเภทได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 มกราคม 2543--
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และปรับปรุงแก้ไขในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเป็นการขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2534 ดังนี้
1. กำหนดให้ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้โดยตำแหน่ง
2. ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
3. กำหนดให้กรรมการและอนุกรรมการเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
4. กำหนดให้กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามพระราชบัญญัตินี้
5. กำหนดให้ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพเป็นหน่วยงานในสังกัดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม และปรับปรุงอำนาจและหน้าที่ของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพให้ชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น
6. จัดตั้งองค์กรศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยนำบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพไปรวมไว้ในหมวด 2 ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ
7. กำหนดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาไปยังศาลภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้นมาฃถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวน เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งส่งตัวผู้นั้นไปยังศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพที่อยู่ในเขตอำนาจเพื่อดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และเมื่อศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพได้รับตัวผู้ต้องหาเข้าเป็นผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์แล้ว จะต้องจัดทำบันทึกประวัติและตรวจพิสูจน์ว่าผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์นั้นติดยาเสพติดหรือไม่โดยเร็ว แต่ต้องไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที่รับตัวผู้นั้นไว้ แต่ถ้ามีเหตุจำเป็น หรือเหตุอันสมควรที่ไม่อาจตรวจพิสูจน์ให้แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ก็ให้คณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพมีอำนาจอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการตรวจพิสูจน์ออกไปได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับตัวผู้นั้นไว้
8. กำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์อาจได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยคณะอนุกรรมการประจำศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพได้
9. กำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ซึ่งหลบหนีการควบคุมหรือหลบหนีออกนอกเขตศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในระหว่างการตรวจพิสูจน์ เป็นผู้หลบหนีการคุมขังตามมาตรา 190 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
10. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับตัวผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ หรือผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวที่ไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนระเบียบ เงื่อนไข หรือข้อบังคับที่กำหนด และให้ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพมีอำนาจลงโทษบุคคลดังกล่าวตามมาตรา 32 ได้
11. กำหนดให้มีการดำเนินคดีแก่ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่ไม่อยู่ในสภาพที่จะฟื้นฟูได้ต่อไป เพื่อให้ระบบบังคับบำบัดผู้ติดยาเสพติดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
12. กำหนดอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ตลอดจนกำหนดให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยผลการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งให้ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้
13. ปรับปรุงบทกำหนดโทษเพื่อให้การบังคับใช้พระราชบัญญัตินี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และให้คณะกรรมการมีอำนาจเปรียบเทียบความผิดบางประเภทได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 มกราคม 2543--