ทำเนียบรัฐบาล--15 ก.พ.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดว่าด้วยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงดังกล่าวในนามรัฐบาลไทยในระหว่างการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 ทั้งนี้ กำหนดให้มีการลงนามในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543
3. อนุมัติงบประมาณในลักษณะของเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันในช่วงปีแรก เป็นเงิน 10 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ทบวงมหาวิทยาลัยตกลงเรื่องการเงิน และการเบิกจ่ายกับสำนักงบประมาณโดยตรง
4. อนุมัติในหลักการที่จะจัดสรรงบประมาณในลักษณะของเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่สถาบันเพื่อใช้ในการดำเนินการของสถาบันในช่วงแรกของการดำเนินการ จนกระทั่งสถาบันมีความมั่นคงทางด้านการเงิน โดยให้ทบวงมหาวิทยาลัยตกลงเรื่องการเงินและการเบิกจากสำนักงบประมาณโดยตรง
สำหรับร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดเกี่ยวกับสถาบันระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าและการพัฒนา มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. รัฐบาลไทยจะดำเนินการจัดตั้งสถาบันซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอังค์ถัดจะให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันตามที่ได้ตกลงไว้ในบทบัญญัติต่าง ๆ ของความตกลง
2. สถาบันวิจัยและฝึกอบรมที่จะตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์ในการที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรจากประเทศในภูมิภาคเอเชียในเรื่องของระบบการเงิน การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถปรับตัวและแสวงประโยชน์และหลีกเลี่ยงผลกระทบในทางลบจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์และการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการเจรจาและการรักษาสิทธิตามความตกลงการค้าพหุภาคีได้อย่างมีประสิทธิภาพและการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการนโยบายเศรษฐกิจและการปรับเปลี่ยนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับในการเปิดเสรีการค้า ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคด้วย
3. สำหรับโครงสร้างทางบริหารและการดำเนินการของสถาบันนั้น สถาบันที่จะตั้งขึ้นจะมีผู้อำนวยการซึ่งรับผิดชอบในเรื่องการบริหารและการดำเนินการของสถาบันซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริหารที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายในการดำเนินการและโครงการวิจัยและฝึกอบรมตลอดจนงบประมาณของสถาบัน
4. เรื่องระบบการเงินของสถาบัน จะมีการจัดตั้งกองทุนของสถาบันขึ้นเพื่อเปิดรับความสนับสนุนทางด้านการเงินจากอังค์ถัด โครงการระหว่างประเทศและประเทศสมาชิกที่ประสงค์จะให้การสนับสนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและการดำเนินโครงการของสถาบัน
5. ในการสนับสนุนการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบัน รัฐบาลจะ
5.1 จัดหาสถานที่เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการและที่ฝึกอบรมของสถาบันให้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5.2 ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาที่พักให้แก่บุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาทำการสอนหรือฝึกอบรมตลอดจนผู้ที่จะมาร่วมการฝึกอบรม
5.3 ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานในช่วงแรกของสถาบันเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท
6. ในการให้ความช่วยเหลือสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบัน อังค์ถัดจะ
6.1 ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการช่วยรัฐบาลระดมเงินทุนจากองค์กรของสหประชาชาติอื่น ๆ องค์การระหว่าง ประเทศในระดับรัฐบาลและมิใช่รัฐบาล กลุ่มประชาสังคม และประเทศผู้บริจาคให้แก่กองทุนของสถาบันเพื่อใช้ในการดำเนินการและกิจกรรมของสถาบัน เพื่อให้การจัดตั้งและการดำเนินการของสถาบันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง
6.2 ออกค่าใช้จ่ายสำหรับผู้อำนวยการโครงการวิจัยและฝึกอบรมซึ่งอังค์ถัดจะมอบหมายให้มาประจำที่สถาบันเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถาบันในการจัดทำและดำเนินโครงการวิจัยและฝึกอบรม และการหาเงินทุนและทรัพยากรบุคคลสำหรับการดำเนินโครงการ โดยประสานงานกับอังค์ถัดและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ
6.3 จัดส่งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญของอังค์ถัดมาช่วยในการจัดทำและดำเนินการโครงการฝึกอบรมของสถาบันโดยอังค์ถัดจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับบุคลากรที่กล่าวถึงดังกล่าว
6.4 จัดส่งหนังสือ เอกสาร และข้อมูลจากห้องสมุดของอังค์ถัดเกี่ยวกับประเด็นการค้า การเงิน การลงทุน และการพัฒนาให้กับสถาบันเป็นการประจำ รวมทั้งการให้ข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
6.5 พยายามใช้สถาบันเป็นศูนย์กลางในการฝึกอบรมของอังค์ถัดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องการค้า การเงิน และการลงทุน แก่ประเทศในภูมิภาค
6.6 ดำเนินมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือแก่สถาบัน
7. สำหรับรายละเอียดในการดำเนินการตามความตกลงนี้ รัฐบาลกับอังค์ถัดจะได้ตกลงกันในโอกาสต่อไป
8. ความตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ที่มีการลงนาม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดว่าด้วยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงดังกล่าวในนามรัฐบาลไทยในระหว่างการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 ทั้งนี้ กำหนดให้มีการลงนามในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543
3. อนุมัติงบประมาณในลักษณะของเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันในช่วงปีแรก เป็นเงิน 10 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ทบวงมหาวิทยาลัยตกลงเรื่องการเงิน และการเบิกจ่ายกับสำนักงบประมาณโดยตรง
4. อนุมัติในหลักการที่จะจัดสรรงบประมาณในลักษณะของเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่สถาบันเพื่อใช้ในการดำเนินการของสถาบันในช่วงแรกของการดำเนินการ จนกระทั่งสถาบันมีความมั่นคงทางด้านการเงิน โดยให้ทบวงมหาวิทยาลัยตกลงเรื่องการเงินและการเบิกจากสำนักงบประมาณโดยตรง
สำหรับร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับอังค์ถัดเกี่ยวกับสถาบันระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าและการพัฒนา มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. รัฐบาลไทยจะดำเนินการจัดตั้งสถาบันซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอังค์ถัดจะให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบันตามที่ได้ตกลงไว้ในบทบัญญัติต่าง ๆ ของความตกลง
2. สถาบันวิจัยและฝึกอบรมที่จะตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์ในการที่จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรจากประเทศในภูมิภาคเอเชียในเรื่องของระบบการเงิน การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถปรับตัวและแสวงประโยชน์และหลีกเลี่ยงผลกระทบในทางลบจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์และการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการเจรจาและการรักษาสิทธิตามความตกลงการค้าพหุภาคีได้อย่างมีประสิทธิภาพและการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการนโยบายเศรษฐกิจและการปรับเปลี่ยนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับในการเปิดเสรีการค้า ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคด้วย
3. สำหรับโครงสร้างทางบริหารและการดำเนินการของสถาบันนั้น สถาบันที่จะตั้งขึ้นจะมีผู้อำนวยการซึ่งรับผิดชอบในเรื่องการบริหารและการดำเนินการของสถาบันซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริหารที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายในการดำเนินการและโครงการวิจัยและฝึกอบรมตลอดจนงบประมาณของสถาบัน
4. เรื่องระบบการเงินของสถาบัน จะมีการจัดตั้งกองทุนของสถาบันขึ้นเพื่อเปิดรับความสนับสนุนทางด้านการเงินจากอังค์ถัด โครงการระหว่างประเทศและประเทศสมาชิกที่ประสงค์จะให้การสนับสนุนเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและการดำเนินโครงการของสถาบัน
5. ในการสนับสนุนการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบัน รัฐบาลจะ
5.1 จัดหาสถานที่เพื่อเป็นที่ตั้งที่ทำการและที่ฝึกอบรมของสถาบันให้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5.2 ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาที่พักให้แก่บุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาทำการสอนหรือฝึกอบรมตลอดจนผู้ที่จะมาร่วมการฝึกอบรม
5.3 ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานในช่วงแรกของสถาบันเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท
6. ในการให้ความช่วยเหลือสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานของสถาบัน อังค์ถัดจะ
6.1 ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการช่วยรัฐบาลระดมเงินทุนจากองค์กรของสหประชาชาติอื่น ๆ องค์การระหว่าง ประเทศในระดับรัฐบาลและมิใช่รัฐบาล กลุ่มประชาสังคม และประเทศผู้บริจาคให้แก่กองทุนของสถาบันเพื่อใช้ในการดำเนินการและกิจกรรมของสถาบัน เพื่อให้การจัดตั้งและการดำเนินการของสถาบันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง
6.2 ออกค่าใช้จ่ายสำหรับผู้อำนวยการโครงการวิจัยและฝึกอบรมซึ่งอังค์ถัดจะมอบหมายให้มาประจำที่สถาบันเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถาบันในการจัดทำและดำเนินโครงการวิจัยและฝึกอบรม และการหาเงินทุนและทรัพยากรบุคคลสำหรับการดำเนินโครงการ โดยประสานงานกับอังค์ถัดและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ
6.3 จัดส่งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญของอังค์ถัดมาช่วยในการจัดทำและดำเนินการโครงการฝึกอบรมของสถาบันโดยอังค์ถัดจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเดินทาง เบี้ยเลี้ยง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับบุคลากรที่กล่าวถึงดังกล่าว
6.4 จัดส่งหนังสือ เอกสาร และข้อมูลจากห้องสมุดของอังค์ถัดเกี่ยวกับประเด็นการค้า การเงิน การลงทุน และการพัฒนาให้กับสถาบันเป็นการประจำ รวมทั้งการให้ข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
6.5 พยายามใช้สถาบันเป็นศูนย์กลางในการฝึกอบรมของอังค์ถัดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องการค้า การเงิน และการลงทุน แก่ประเทศในภูมิภาค
6.6 ดำเนินมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือแก่สถาบัน
7. สำหรับรายละเอียดในการดำเนินการตามความตกลงนี้ รัฐบาลกับอังค์ถัดจะได้ตกลงกันในโอกาสต่อไป
8. ความตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ที่มีการลงนาม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543--