เรื่อง ร่างปฏิญญาการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (CICA) ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ครั้งที่ 5
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ “ การส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงเสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเอเชียผ่านการเสวนาระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ ”(Promoting Peace, Security, Stability and Sustainable Development in Asia through Dialogue among Civilizations) และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้ กต. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
2. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองปฏิญญาดังกล่าว
สาระสำคัญของเรื่อง
กต. รายงานว่า
1. การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ CICA ครั้งที่ 5 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 28 เมษายน 2559 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในการประชุมดังกล่าวที่ประชุมจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงเสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเอเชียผ่านการเสวนาระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ ”ในวันที่ 28 เมษายน 2559 ทั้งนี้ ร่างปฏิญญาฯ จะมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาในระดับคณะทำงานพิเศษและเจ้าหน้าที่อาวุโสระหว่างวันที่ 25 – 26 เมษายน 2559 ก่อนที่จะมีการรับรองในวันดังกล่าว
สาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของประเทศสมาชิก CICA ที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในการเผชิญกับปัญหาและสิ่งท้าทายต่าง ๆ ผ่านกรอบความร่วมมือทั้ง 5 มิติ ได้แก่ การเมืองและการทหาร เศรษฐกิจ ภัยคุกคามและความท้าทายรูปแบบใหม่ สิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ในประเด็นการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน ลัทธิหัวรุนแรง การแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธที่มีอำนาจการทำลายล้างสูง ปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ โดยมิได้ใช้ถ้อยคำหรือมีบริบทที่เป็นการแสดงเจตนาที่จะก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีการลงนามระหว่างกัน ดังนั้น จึงไม่เป็นสนธิสัญญาภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 เมษายน 2559--