ทำเนียบรัฐบาล--19 ธ.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) รายงานผลการพิจารณาแผนการปฏิรูปสาขาขนส่งของคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการปฏิรูปสาขาขนส่ง ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. แนวทางการปฏิรูปสาขาขนส่ง
1.1 สาขาขนส่งทางอากาศ แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
1.1.1 แนวทางระยะสั้น (ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 2 ปี)
1) หน่วยงานกำกับนโยบายและวางแผน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายของกรมการบินพาณิชย์ (บพ.)
2) หน่วยงานกำกับดูแล ปรับเปลี่ยนบทบาทของคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.)เป็นองค์กรอิสระ กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยเป็นหลัก ให้ บพ. เป็นฝ่ายเลขาธิการของ กบร. กำกับดูแลการดำเนินงานด้านการขนส่งทางอากาศ
3) การดำเนินการ
(1) จัดกลุ่มสนามบินภูมิภาคของ บพ. ที่มีอยู่ 29 แห่ง (ไม่นับรวม เชียงใหม่ เชียงรายหาดใหญ่ และภูเก็ต) ประมาณ 4 - 5 กลุ่ม โดยเปิดให้เอกชนประมูลเข้าบริหาร และรัฐให้เงินอุดหนุนในระยะแรก
(2) แปรรูป บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บกท. โดยลดสัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐลงเหลือร้อยละ 70 ภายในปี 2543
(3) ปรับสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลและสายการบินของ บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) จาก 91 : 9 เป็น 51 : 49 รวมทั้งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้เอกชนเข้าร่วมทุนดำเนินการในส่วนการให้บริการที่เกี่ยวเนื่อง โดย บวท. ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 50
(4) การแปรรูป สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เป็นองค์การมหาชน เพื่อให้เป็นสถานศึกษาและฝึกอบรมด้านการบินนานาชาติ
(5) กำหนดและจัดระเบียบนโยบายการบินเสรีทั้งภายในและระหว่างประเทศที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอน
(6) พัฒนาบุคลากร เตรียมขั้นตอนและแผนการดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์
(7) ปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และตราพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ที่เน้นกฎหมายประกอบธุรกิจการบิน และพระราชบัญญัติการประกอบการสนามบิน รวมทั้งปรับปรุงและ/หรือยกเลิกกฎกระทรวง ตลอดจนข้อบังคับต่าง ๆ ของ กบร. ให้สอดคล้องกับการกำกับดูแล
1.1.2 แนวทางระยะยาว (ระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป)
1) แยกการดำเนินงานของ บพ. ออกเป็น 3 ส่วนอย่างชัดเจน คือ งานกำหนดนโยบาย งานกำกับดูแล และงานดำเนินการหรืองานปฏิบัติการ
2) บกท. เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นภาคเอกชนและปรับสัดส่วนการถือหุ้นภาครัฐลงให้น้อยกว่าร้อยละ 50
3) จัดทำมาตรการส่งเสริมการให้บริการขนส่งทางอากาศในลักษณะการแข่งขันเสรี
4) ปรับปรุง/ยกเลิกกฎกระทรวง และยกร่างกฎ และกฎหมายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการกำกับดูแล
1.2 สาขาขนส่งทางน้ำ เห็นควรให้ปรับโครงสร้างองค์กรการขนส่งทางน้ำเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) หน่วยงานกำหนดนโยบายการขนส่งทางน้ำ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมพาณิชยนาวี (สพว.)
2) หน่วยงานกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ จะจัดตั้ง "คณะกรรมการกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ"เป็นองค์กรกำกับดูแลอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลการขนส่งทางน้ำด้านเศรษฐกิจ โดยโอนงานกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำด้านเศรษฐกิจเดิมจาก สพว. จท. และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และให้กรมเจ้าท่ากำกับดูแลด้านความปลอดภัยของการขนส่งทางน้ำ
3) หน่วยงานดำเนินการขนส่งทางน้ำ
- กรมเจ้าท่า : ดำเนินงานในส่วนที่รัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ได้แก่ การจัดสร้าง หรือจัดให้มีท่าเรือ การให้บริการนำร่อง และการตรวจสภาพเรือ (เฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกชนให้บริการ) และทางเดินเรือ (ขุดและบำรุงรักษาร่องน้ำ การติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องช่วยการเดินเรือ การสำรวจร่องน้ำ และสร้างแผนที่ และการสร้างเขื่อนกันคลื่น/เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง)
- การท่าเรือแห่งประเทศไทย และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย : เป็นผู้ให้บริการกิจการท่าเรือ
- บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด : เป็นผู้ให้บริการกิจการเดินเรือ
- บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด : เป็นผู้ให้บริการกิจการต่อเรือและซ่อมเรือ
- ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี กรมเจ้าท่า : ทำหน้าที่ผลิตบุคลากรประจำเรือ โดยจัดตั้งเป็น"องค์การมหาชน" ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542
1.3 สาขาขนส่งทางบก เห็นควรให้ปรับโครงสร้างองค์กรการขนส่งทางบกเป็น 3 ส่วน โดยแบ่งแยกหน้าที่ทั้ง 3 ส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน ดังนี้
1) การกำหนดนโยบายและวางแผน
- กระทรวงขนส่ง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและวางแผน ประกอบด้วย หน่วยงานกำหนดนโยบายขนส่งทางบก (กระทรวงคมนาคม) และหน่วยงานประสานงานด้านการขนส่ง โดยอาจจะแปรสภาพจากสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) และบางส่วนของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยขยายหน้าที่เดิมที่มีอยู่ให้สามารถครอบคลุมรูปแบบการขนส่งทั้งหมด
- กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายการขนส่งได้ทุกรูปแบบในเขตท้องที่ปกครองตามทิศทางนโยบายการขนส่งที่หน่วยบริหารราชการส่วนกลางกำหนด
2) การกำกับดูแล
การกำกับดูแลการขนส่งทางรถยนต์และรถไฟ : จะปรับปรุงคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ให้ทำหน้าที่กำกับดูแลการขนส่งทั้งทางรถยนต์และรถไฟ และมีกรมการขนส่งทางบก (ขส.) เป็นสำนักงานเลขานุการ
การกำกับดูแลถนน/ทางหลวง/ทางพิเศษ : จะกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลอิสระที่ปรับองค์กรแยกมาจากกรมทางหลวง (ทล.) และบางส่วนที่จะโอนมาจาก กทพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3) การดำเนินการ มีผู้บริหารซึ่งจะจัดตั้งตามความจำเป็นของแต่ละสาขาย่อย เพื่อทำหน้าที่บริหารโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ เช่น การอนุมัติการออกแบบก่อสร้างและการเปิดประมูลงานการให้สัมปทานหรือการทำสัญญาเป็นผู้จัดหาภาคเอกชน (ผู้ดำเนินการ) มาดำเนินการสร้าง หรือบำรุงรักษา พิจารณาและคัดเลือกผู้ได้รับอนุญาต หรือผู้ได้รับสัมปทานในการให้บริการด้านขนส่ง ฯลฯ
4) แนวทางการปฏิรูปสาขาขนส่งทางบก แบ่งเป็น 7 ส่วน ซึ่งในแต่ละส่วนแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
(1) การกำหนดนโยบาย
- ระยะสั้น คจร. และ สจร. ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย
- ระยะยาว คจร. และ สจร. เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการขนส่งแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานด้านการขนส่งที่จะจัดตั้งเป็นกระทรวงขนส่งในอนาคต
(2) การกำกับดูแล
การขนส่งทางบกและรถไฟ
- ระยะสั้น ขส. และ รฟท. เป็นสำนักเลขานุการขององค์กรกำกับดูแล โดยแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ถนน/ทางหลวง/ทางพิเศษ
- ระยะสั้น กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่กำกับดูแล
- ระยะยาว หน่วยงานกำกับดูแลโอนไปสังกัดกระทรวงขนส่ง
(3) การปฏิบัติการ
ทางด่วน/ทางพิเศษ
- ระยะสั้น กทพ. สังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบทางด่วน/ทางพิเศษ กรมทางหลวงซึ่งรับผิดชอบกิจการ Motorways ให้แยกเป็นองค์การมหาชน
- ระยะยาว ทางด่วน/ทางพิเศษจะโอนมา กทม./ท้องถิ่น เมื่อกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควร
ขนส่งผู้โดยสารโดยรถไฟฟ้า
- ระยะสั้น รฟม. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ
- ระยะยาว จะโอนไปกระทรวงขนส่ง และมีหน่วยงานรถไฟฟ้าท้องถิ่นอีกหน่วยงานหนึ่งที่สังกัด กทม. เมื่อมีผลการศึกษาที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
การบริการขนส่งและถนนในจังหวัด
- ระยะสั้น โอนงาน ขส. และ ทล. ไปสังกัดกระทรวงขนส่ง
- ระยะยาว เมื่อมีความพร้อมของบุคลากรและสถานะการคลังให้โอนไปอยู่ กทม. และองค์การส่วนท้องถิ่น
(4) การขนส่งทางรถไฟ
- ระยะสั้น ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน และมีรัฐพาณิชย์ประกอบด้วย บริษัทเดินรถไฟ บริษัทซ่อมรถไฟ และบริษัทพัฒนาทรัพย์สิน
(5) การขนส่งผู้โดยสารทางไกล
- ระยะสั้น ส่วนการเดินรถแปรรูปเป็นผู้ประกอบการเดินรถเอกชน บขส. บริหารสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. และ ขส. รวมทั้งสถานีขนส่งที่ ขส. อนุญาตให้เอกชนดำเนินการในปัจจุบัน
(6) การขนส่งสินค้าทางใกล้และทางไกล
- ระยะสั้น ปรับเปลี่ยนรัฐวิสาหกิจไปเป็นบริษัทเอกชน
(7) การขนส่งสินค้าผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร
- ระยะสั้น โอนกิจการ ขสมก. ให้อยู่ภายใต้สังกัด กทม.
2. โครงสร้างและรูปแบบการดำเนินงานสำหรับการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำในเขตกรุงเทพ-มหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มอบหมายให้ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมเป็นผู้ดูแล จัดให้มีการเดินรถขนส่งมวลชนในจังหวัดใหญ่ ๆ และประสานงานกับคณะกรรมการพหุภาคีและหน่วยงานนโยบายระดับชาติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ธ.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) รายงานผลการพิจารณาแผนการปฏิรูปสาขาขนส่งของคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการปฏิรูปสาขาขนส่ง ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. แนวทางการปฏิรูปสาขาขนส่ง
1.1 สาขาขนส่งทางอากาศ แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
1.1.1 แนวทางระยะสั้น (ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 2 ปี)
1) หน่วยงานกำกับนโยบายและวางแผน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายของกรมการบินพาณิชย์ (บพ.)
2) หน่วยงานกำกับดูแล ปรับเปลี่ยนบทบาทของคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.)เป็นองค์กรอิสระ กำกับดูแลด้านเศรษฐกิจและความปลอดภัยเป็นหลัก ให้ บพ. เป็นฝ่ายเลขาธิการของ กบร. กำกับดูแลการดำเนินงานด้านการขนส่งทางอากาศ
3) การดำเนินการ
(1) จัดกลุ่มสนามบินภูมิภาคของ บพ. ที่มีอยู่ 29 แห่ง (ไม่นับรวม เชียงใหม่ เชียงรายหาดใหญ่ และภูเก็ต) ประมาณ 4 - 5 กลุ่ม โดยเปิดให้เอกชนประมูลเข้าบริหาร และรัฐให้เงินอุดหนุนในระยะแรก
(2) แปรรูป บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บกท. โดยลดสัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐลงเหลือร้อยละ 70 ภายในปี 2543
(3) ปรับสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลและสายการบินของ บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) จาก 91 : 9 เป็น 51 : 49 รวมทั้งจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้เอกชนเข้าร่วมทุนดำเนินการในส่วนการให้บริการที่เกี่ยวเนื่อง โดย บวท. ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 50
(4) การแปรรูป สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เป็นองค์การมหาชน เพื่อให้เป็นสถานศึกษาและฝึกอบรมด้านการบินนานาชาติ
(5) กำหนดและจัดระเบียบนโยบายการบินเสรีทั้งภายในและระหว่างประเทศที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอน
(6) พัฒนาบุคลากร เตรียมขั้นตอนและแผนการดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์
(7) ปรับปรุงพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และตราพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ที่เน้นกฎหมายประกอบธุรกิจการบิน และพระราชบัญญัติการประกอบการสนามบิน รวมทั้งปรับปรุงและ/หรือยกเลิกกฎกระทรวง ตลอดจนข้อบังคับต่าง ๆ ของ กบร. ให้สอดคล้องกับการกำกับดูแล
1.1.2 แนวทางระยะยาว (ระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป)
1) แยกการดำเนินงานของ บพ. ออกเป็น 3 ส่วนอย่างชัดเจน คือ งานกำหนดนโยบาย งานกำกับดูแล และงานดำเนินการหรืองานปฏิบัติการ
2) บกท. เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นภาคเอกชนและปรับสัดส่วนการถือหุ้นภาครัฐลงให้น้อยกว่าร้อยละ 50
3) จัดทำมาตรการส่งเสริมการให้บริการขนส่งทางอากาศในลักษณะการแข่งขันเสรี
4) ปรับปรุง/ยกเลิกกฎกระทรวง และยกร่างกฎ และกฎหมายต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการกำกับดูแล
1.2 สาขาขนส่งทางน้ำ เห็นควรให้ปรับโครงสร้างองค์กรการขนส่งทางน้ำเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) หน่วยงานกำหนดนโยบายการขนส่งทางน้ำ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมพาณิชยนาวี (สพว.)
2) หน่วยงานกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ จะจัดตั้ง "คณะกรรมการกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำ"เป็นองค์กรกำกับดูแลอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลการขนส่งทางน้ำด้านเศรษฐกิจ โดยโอนงานกำกับดูแลการขนส่งทางน้ำด้านเศรษฐกิจเดิมจาก สพว. จท. และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และให้กรมเจ้าท่ากำกับดูแลด้านความปลอดภัยของการขนส่งทางน้ำ
3) หน่วยงานดำเนินการขนส่งทางน้ำ
- กรมเจ้าท่า : ดำเนินงานในส่วนที่รัฐจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ได้แก่ การจัดสร้าง หรือจัดให้มีท่าเรือ การให้บริการนำร่อง และการตรวจสภาพเรือ (เฉพาะในกรณีที่ไม่มีเอกชนให้บริการ) และทางเดินเรือ (ขุดและบำรุงรักษาร่องน้ำ การติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องช่วยการเดินเรือ การสำรวจร่องน้ำ และสร้างแผนที่ และการสร้างเขื่อนกันคลื่น/เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง)
- การท่าเรือแห่งประเทศไทย และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย : เป็นผู้ให้บริการกิจการท่าเรือ
- บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด : เป็นผู้ให้บริการกิจการเดินเรือ
- บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด : เป็นผู้ให้บริการกิจการต่อเรือและซ่อมเรือ
- ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี กรมเจ้าท่า : ทำหน้าที่ผลิตบุคลากรประจำเรือ โดยจัดตั้งเป็น"องค์การมหาชน" ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542
1.3 สาขาขนส่งทางบก เห็นควรให้ปรับโครงสร้างองค์กรการขนส่งทางบกเป็น 3 ส่วน โดยแบ่งแยกหน้าที่ทั้ง 3 ส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน ดังนี้
1) การกำหนดนโยบายและวางแผน
- กระทรวงขนส่ง ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและวางแผน ประกอบด้วย หน่วยงานกำหนดนโยบายขนส่งทางบก (กระทรวงคมนาคม) และหน่วยงานประสานงานด้านการขนส่ง โดยอาจจะแปรสภาพจากสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) และบางส่วนของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยขยายหน้าที่เดิมที่มีอยู่ให้สามารถครอบคลุมรูปแบบการขนส่งทั้งหมด
- กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายการขนส่งได้ทุกรูปแบบในเขตท้องที่ปกครองตามทิศทางนโยบายการขนส่งที่หน่วยบริหารราชการส่วนกลางกำหนด
2) การกำกับดูแล
การกำกับดูแลการขนส่งทางรถยนต์และรถไฟ : จะปรับปรุงคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ให้ทำหน้าที่กำกับดูแลการขนส่งทั้งทางรถยนต์และรถไฟ และมีกรมการขนส่งทางบก (ขส.) เป็นสำนักงานเลขานุการ
การกำกับดูแลถนน/ทางหลวง/ทางพิเศษ : จะกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลอิสระที่ปรับองค์กรแยกมาจากกรมทางหลวง (ทล.) และบางส่วนที่จะโอนมาจาก กทพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3) การดำเนินการ มีผู้บริหารซึ่งจะจัดตั้งตามความจำเป็นของแต่ละสาขาย่อย เพื่อทำหน้าที่บริหารโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ เช่น การอนุมัติการออกแบบก่อสร้างและการเปิดประมูลงานการให้สัมปทานหรือการทำสัญญาเป็นผู้จัดหาภาคเอกชน (ผู้ดำเนินการ) มาดำเนินการสร้าง หรือบำรุงรักษา พิจารณาและคัดเลือกผู้ได้รับอนุญาต หรือผู้ได้รับสัมปทานในการให้บริการด้านขนส่ง ฯลฯ
4) แนวทางการปฏิรูปสาขาขนส่งทางบก แบ่งเป็น 7 ส่วน ซึ่งในแต่ละส่วนแบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
(1) การกำหนดนโยบาย
- ระยะสั้น คจร. และ สจร. ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย
- ระยะยาว คจร. และ สจร. เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการขนส่งแห่งชาติ หรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานด้านการขนส่งที่จะจัดตั้งเป็นกระทรวงขนส่งในอนาคต
(2) การกำกับดูแล
การขนส่งทางบกและรถไฟ
- ระยะสั้น ขส. และ รฟท. เป็นสำนักเลขานุการขององค์กรกำกับดูแล โดยแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ถนน/ทางหลวง/ทางพิเศษ
- ระยะสั้น กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่กำกับดูแล
- ระยะยาว หน่วยงานกำกับดูแลโอนไปสังกัดกระทรวงขนส่ง
(3) การปฏิบัติการ
ทางด่วน/ทางพิเศษ
- ระยะสั้น กทพ. สังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบทางด่วน/ทางพิเศษ กรมทางหลวงซึ่งรับผิดชอบกิจการ Motorways ให้แยกเป็นองค์การมหาชน
- ระยะยาว ทางด่วน/ทางพิเศษจะโอนมา กทม./ท้องถิ่น เมื่อกระทรวงมหาดไทยเห็นสมควร
ขนส่งผู้โดยสารโดยรถไฟฟ้า
- ระยะสั้น รฟม. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ
- ระยะยาว จะโอนไปกระทรวงขนส่ง และมีหน่วยงานรถไฟฟ้าท้องถิ่นอีกหน่วยงานหนึ่งที่สังกัด กทม. เมื่อมีผลการศึกษาที่ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ต้องมีหน่วยงานรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
การบริการขนส่งและถนนในจังหวัด
- ระยะสั้น โอนงาน ขส. และ ทล. ไปสังกัดกระทรวงขนส่ง
- ระยะยาว เมื่อมีความพร้อมของบุคลากรและสถานะการคลังให้โอนไปอยู่ กทม. และองค์การส่วนท้องถิ่น
(4) การขนส่งทางรถไฟ
- ระยะสั้น ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจดำเนินการโครงสร้างพื้นฐาน และมีรัฐพาณิชย์ประกอบด้วย บริษัทเดินรถไฟ บริษัทซ่อมรถไฟ และบริษัทพัฒนาทรัพย์สิน
(5) การขนส่งผู้โดยสารทางไกล
- ระยะสั้น ส่วนการเดินรถแปรรูปเป็นผู้ประกอบการเดินรถเอกชน บขส. บริหารสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. และ ขส. รวมทั้งสถานีขนส่งที่ ขส. อนุญาตให้เอกชนดำเนินการในปัจจุบัน
(6) การขนส่งสินค้าทางใกล้และทางไกล
- ระยะสั้น ปรับเปลี่ยนรัฐวิสาหกิจไปเป็นบริษัทเอกชน
(7) การขนส่งสินค้าผู้โดยสารในกรุงเทพมหานคร
- ระยะสั้น โอนกิจการ ขสมก. ให้อยู่ภายใต้สังกัด กทม.
2. โครงสร้างและรูปแบบการดำเนินงานสำหรับการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำในเขตกรุงเทพ-มหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มอบหมายให้ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมเป็นผู้ดูแล จัดให้มีการเดินรถขนส่งมวลชนในจังหวัดใหญ่ ๆ และประสานงานกับคณะกรรมการพหุภาคีและหน่วยงานนโยบายระดับชาติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 19 ธ.ค. 2543--
-สส-