คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางและมาตรการในการดำเนินการให้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามและรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กค. รายงานว่า
กค. โดยกรมบัญชีกลางได้จัดประชุมระหว่างสำนักงบประมาณ (สงป.) กระทรวงแรงงาน (รง.) (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) โดยมีข้อสรุปว่า กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเริ่มดำเนินงานตามแผนบริหารจัดการลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างประมาณเดือนตุลาคม 2557 ซึ่งทำให้ได้รับเงินชดใช้คืนเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก กค. จึงเสนอแนวทางการดำเนินงานของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเพื่อให้กองทุนสงเคราะห์มีเงินเพียงพอต่อการบริหารจัดการต่อไป ดังนี้
1. ให้ รง. และคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างทบทวนระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้มีความเหมาะสมโดยควรให้การสงเคราะห์เฉพาะกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนตามความจำเป็น และทบทวนแผนบริหารจัดการลูกหนี้กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และกำหนดมาตรการและแนวทางในการเร่งติดตามหนี้คงค้างชำระจากผู้ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องชดใช้เงินคืนกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตลอดจนกำหนดการควบคุมและการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง
2. ให้ รง. เร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว โดยศึกษาและพิจารณาแนวทางเพื่อรวมกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายในการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในแต่ละกรณีที่เป็นไปแนวทางเดียวกันประกอบกับเพื่อให้เกิดการบูรณาการกระบวนงานด้านการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือพิจารณาทบทวนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเก็บเงินจากนายจ้างเข้าสู่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเป็นเงินสงเคราะห์แก่ลูกจ้างตามวัตถุประสงค์ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ทั้งนี้ ให้พิจารณาเกี่ยวกับสิทธิและประโยชน์ที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นกรณีพิเศษสำหรับเงินได้ของนายจ้าง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 พฤษภาคม 2559--