ทำเนียบรัฐบาล--4 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย ที่ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ก่อนจัดให้มีการลงนามได้ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดให้มีการลงนามอย่างเป็นทางการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการทูตให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ต่อไป
ร่างความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ภาคีคู่สัญญาจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวก เสริมสร้างและขยายการค้าระหว่างกัน ภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับและข้อปฏิบัติต่าง ๆ ของประเทศคู่ภาคี และตามพันธกรณีในฐานะเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก
2. ภาคีคู่สัญญาจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจ และองค์การของแต่ละฝ่ายในการสำรวจขอบเขตข้อตกลงทางการค้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้สัญญาบรรลุผลได้ตามที่ตกลงกัน
3. ภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในฐานะเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกจะให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่งในทุกประเด็นเกี่ยวกับอากรศุลกากร ภาษีและพิธีการทางการค้าระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์
4. บทบัญญัติของความตกลงนี้จะไม่ใช้บังคับกับสิทธิพิเศษ ผลประโยชน์ สัมปทาน และการยกเว้น ซึ่งภาคี คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ หรืออาจให้
ก) แก่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้าชายแดน
ข) แก่ประเทศซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพศุลกากร หรือเขตการค้าเสรี ซึ่งภาคีคู่สัญญาเข้าร่วม หรืออาจเข้าร่วม
ค) เนื่องจากผลของการเข้าร่วมในข้อตกลงพหุภาคี ซึ่งมีวุตถุประสงค์ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ง) ภายใต้ระบบโลกเกี่ยวกับสิทธิทางการค้า หรือ สิทธิพิเศษ หรือผลประโยชน์อื่น ซึ่งอาจให้ได้และไม่ขัดกับองค์การการค้าโลก
5. ภาคีทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกแต่ละฝ่ายในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าซึ่งจัดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง และในการจัดนิทรรศการในดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง โดยสินค้าและตัวอย่างซึ่งนำมาเพื่อการแสดงสินค้าและนิทรรศการ รวมทั้งการขายและแจกจ่ายสินค้านั้นในที่ซึ่งงานแสดงสินค้าได้จัดขึ้น จะได้รับยกเว้นอากรศุลกากร ภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศภาคีที่เป็นสถานที่จัดงานนั้น
6. การชำระเงินระหว่างประเทศทั้งสองให้กระทำในสกุลเงินตราที่สามารถใช้ได้โดยเสรี
7. องค์กรซึ่งรับผิดชอบในการประสานงานและปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงนี้ สำหรับฝ่ายไทย คือ กระทรวงพาณิชย์ และสำหรับฝ่ายมาเลเซีย คือ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม
8. ความตกลงฯ จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี และจะขยายออกไปอีกคราวละ 5 ปี หากไม่มีการบอกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดจากภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 ก.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย ที่ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ก่อนจัดให้มีการลงนามได้ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดให้มีการลงนามอย่างเป็นทางการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการทูตให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ต่อไป
ร่างความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ภาคีคู่สัญญาจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่ออำนวยความสะดวก เสริมสร้างและขยายการค้าระหว่างกัน ภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับและข้อปฏิบัติต่าง ๆ ของประเทศคู่ภาคี และตามพันธกรณีในฐานะเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก
2. ภาคีคู่สัญญาจะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่วิสาหกิจ และองค์การของแต่ละฝ่ายในการสำรวจขอบเขตข้อตกลงทางการค้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้สัญญาบรรลุผลได้ตามที่ตกลงกัน
3. ภาคีคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในฐานะเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกจะให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่งในทุกประเด็นเกี่ยวกับอากรศุลกากร ภาษีและพิธีการทางการค้าระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์
4. บทบัญญัติของความตกลงนี้จะไม่ใช้บังคับกับสิทธิพิเศษ ผลประโยชน์ สัมปทาน และการยกเว้น ซึ่งภาคี คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ หรืออาจให้
ก) แก่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการค้าชายแดน
ข) แก่ประเทศซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพศุลกากร หรือเขตการค้าเสรี ซึ่งภาคีคู่สัญญาเข้าร่วม หรืออาจเข้าร่วม
ค) เนื่องจากผลของการเข้าร่วมในข้อตกลงพหุภาคี ซึ่งมีวุตถุประสงค์ในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ง) ภายใต้ระบบโลกเกี่ยวกับสิทธิทางการค้า หรือ สิทธิพิเศษ หรือผลประโยชน์อื่น ซึ่งอาจให้ได้และไม่ขัดกับองค์การการค้าโลก
5. ภาคีทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกแต่ละฝ่ายในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าซึ่งจัดขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง และในการจัดนิทรรศการในดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง โดยสินค้าและตัวอย่างซึ่งนำมาเพื่อการแสดงสินค้าและนิทรรศการ รวมทั้งการขายและแจกจ่ายสินค้านั้นในที่ซึ่งงานแสดงสินค้าได้จัดขึ้น จะได้รับยกเว้นอากรศุลกากร ภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศภาคีที่เป็นสถานที่จัดงานนั้น
6. การชำระเงินระหว่างประเทศทั้งสองให้กระทำในสกุลเงินตราที่สามารถใช้ได้โดยเสรี
7. องค์กรซึ่งรับผิดชอบในการประสานงานและปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงนี้ สำหรับฝ่ายไทย คือ กระทรวงพาณิชย์ และสำหรับฝ่ายมาเลเซีย คือ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม
8. ความตกลงฯ จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี และจะขยายออกไปอีกคราวละ 5 ปี หากไม่มีการบอกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดจากภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 ก.ค. 2543--
-สส-