ทำเนียบรัฐบาล--7 พ.ย..--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการแปรสภาพรัฐวิสาหกิจและการเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม และอนุมัติให้ส่งผลการศึกษาเรื่อง การเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม การกำหนดโครงสร้างบริการ และการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าบริการให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการแปรสภาพรัฐวิสาหกิจและการเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. การจัดตั้งองค์กรกำกับและคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2543 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กทช.) และการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมไปรษณีย์โทรเลข กระทรวงคมนาคม
2. การแปรสัญญาร่วมการงาน
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 เห็นชอบหลักเกณฑ์การแปรสัญญาร่วมการงานตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เสนอ และต่อมา กนร. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการแปรสัญญาร่วมการงาน (กปส.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2543 โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน และขณะนี้มีบริษัทเอกชนได้ยื่นความจำนงขอแปรสัญญาทั้งสิ้น 24 บริษัท คิดเป็นจำนวนสัญญา 26 สัญญา
3. การแปลงองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นบริษัทจำกัด
คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2543 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม2543 ให้นำกิจการทั้งหมดขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) มาจัดตั้งเป็น 4 บริษัท คือ บริษัทรวมทุน (Holding Company) บริษัท ทศท. จำกัด บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท กสท. ไปรษณีย์ จำกัด ทั้งนี้ โดยให้บริษัทรวมทุนเป็นบริษัทแม่ของ 3 บริษัทดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543---สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการแปรสภาพรัฐวิสาหกิจและการเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม และอนุมัติให้ส่งผลการศึกษาเรื่อง การเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม การกำหนดโครงสร้างบริการ และการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าบริการให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอ
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับการแปรสภาพรัฐวิสาหกิจและการเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคม มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. การจัดตั้งองค์กรกำกับและคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้วเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2543 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กทช.) และการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของกรมไปรษณีย์โทรเลข กระทรวงคมนาคม
2. การแปรสัญญาร่วมการงาน
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2543 เห็นชอบหลักเกณฑ์การแปรสัญญาร่วมการงานตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) เสนอ และต่อมา กนร. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการแปรสัญญาร่วมการงาน (กปส.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2543 โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน และขณะนี้มีบริษัทเอกชนได้ยื่นความจำนงขอแปรสัญญาทั้งสิ้น 24 บริษัท คิดเป็นจำนวนสัญญา 26 สัญญา
3. การแปลงองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นบริษัทจำกัด
คณะกรรมการนโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2543 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม2543 ให้นำกิจการทั้งหมดขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) มาจัดตั้งเป็น 4 บริษัท คือ บริษัทรวมทุน (Holding Company) บริษัท ทศท. จำกัด บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด และบริษัท กสท. ไปรษณีย์ จำกัด ทั้งนี้ โดยให้บริษัทรวมทุนเป็นบริษัทแม่ของ 3 บริษัทดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 7 พ.ย. 2543---สส-