คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ โครงการ6 โครงการ วงเงินรวม 741.93 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ ของกระทรวงอุตสาหกรรม2) โครงการท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ของกระทรวงศึกษาธิการ 3) โครงการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงาน ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม 4) โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม 5) โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และ 6) โครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม และรับทราบกำหนดระยะเวลาการเสนอโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในเดือนธันวาคม รวมทั้งพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ในการพิจารณาจัดสรรค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำด้วย โดยมีสาระสำคัญและมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ สรุปได้ดังนี้
1. โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่
1.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งแก่วิสาหกิจขนาดเล็กให้สามารถอยู่รอดและรักษาสภาพการจ้างงานไว้ได้ และผลักดันเพื่อให้เกิดวิสาหกิจใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นแหล่งจ้างงานในระยะยาว โดยการฝึกอบรมวิสาหกิจขนาดเล็ก บัณฑิตใหม่ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกออกจากงาน และพนักงานลูกจ้างที่มีความประสงค์จะเป็นผู้ประกอบกิจการอิสระ จำนวนประมาณ 6,500 คน
การดำเนินโครงการ จะประชาสัมพันธ์ให้วิสาหกิจขนาดเล็ก และกลุ่มเป้าหมายข้างต้นเข้ารับการคัดเลือกเพื่อฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น (ไม่เกิน 3 สัปดาห์) สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์เชิงธุรกิจมาบ้างแล้ว และต้องการฝึกอบรมบางด้าน เช่น การจัดการด้านการตลาด การเงิน การผลิต และหลักสูตรระยะยาว(3 สัปดาห์ขึ้นไป) เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นผู้ประกอบการโดยเน้นการเรียนรู้ในลักษณะลองปฏิบัติ นอกจากนี้โครงการจะจัดให้มีกิจกรรมเสริม เช่น บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน การจัดตั้งธุรกิจ บริการบ่มเพาะธุรกิจ และการเปิดตัวธุรกิจสินค้าหรือบริการ โดยจัดหาพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการในการตั้งกิจการและดำเนินธุรกิจ ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี วงเงินลงทุน 175 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
- 61.25 72.95 40.80
สำหรับการบริหารโครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะเป็นแกนกลางรับผิดชอบบริหารโครงการและกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ หลักสูตรการอบรม รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามประเมินผลโครงการ โดยมีสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนเข้าร่วมดำเนินโครงการ
1.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิสาหกิจขนาดเล็ก และสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบกิจการอิสระ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการว่างงานได้ในอนาคต จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม วงเงิน 175 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้วิทยากรในลักษณะเดียวกันกับโครงการชุบชีวิตธุรกิจไทยที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2544 จึงเห็นควรให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพิจารณาเรื่องความซ้ำซ้อนของวิทยากรอย่างเคร่งครัด รายละเอียดของหลักสูตรที่ใช้ในการฝึกอบรม และเพิ่มโอกาสในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ในภูมิภาคด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30กันยายน 2545
2. โครงการท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
2.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดทัศนศึกษาเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและรายได้ โดยส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาจัดทัศนศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนผู้ยากจนและด้อยโอกาสได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้จริง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกนักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาที่ขาดแคลนคุณทรัพย์ และเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน จำนวน 92,500 คน เจ้าหน้าที่ ครู อาจารย์ จำนวน 5,000 คน และยุวมัคคุเทศก์ จำนวน 2,500 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน100,000 คน เดินทางไปทัศนศึกษาในสถานที่ทางประวัติศาสตร์และแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพ-มหานคร และปริมณฑล ใช้เวลาทัศนศึกษา 1 ครั้ง ๆ ละไม่เกิน 5 วัน
โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 10 เดือน วงเงินลงทุน 215 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
42.74 131.50 40.76 -
2.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในด้านผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการจัดทัศนศึกษา และจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญจากการทัศนศึกษาในโครงการดังกล่าว จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 215 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
3. โครงการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงาน
3.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแรงงานใหม่และผู้ว่างงานให้มีทักษะฝีมือตรงกับความต้องการของตลาด และมีศักยภาพสอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน และให้แรงงานที่เข้าร่วมโครงการมีความสามารถในการประสานกับสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพอิสระต่อไป ในการดำเนินโครงการนี้จะใช้วิธีรับสมัครประชาชนทั่วไปและผู้ที่ว่างงานทั่วประเทศ จำนวน 6,800 คน ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดทุกแห่งเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ เช่น ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า และกลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการ เป็นต้น โดยผู้สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน และคาดว่าผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น และประมาณร้อยละ 10 (680 คน) สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ต่อไป ซึ่งโครงการมีระยะเวลาการฝึกอบรมตามหลักสูตร จำนวน 9 เดือน วงเงินรวม 289.37 ล้านบาท
3.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน และสร้างโอกาสการมีงานทำที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนเป็นพื้นฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงาน ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 289.37 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
4. โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
4.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะด้านอินเตอร์เน็ตและสารสนเทศ เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต รวมทั้งให้สามารถประสานกับสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพต่อไป การดำเนินโครงการจะใช้วิธีรับสมัครผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบการทั่วประเทศ จำนวน 30,400 คน เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อประกอบธุรกิจ การประกอบธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ต และสินเชื่อสำหรับการประกอบธุรกิจหลักสูตรอบรม7 วัน โดยผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง และมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น นอกจากนี้ผู้สำเร็จการฝึกอบรมบางส่วนสามารถเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ได้ต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี วงเงินลงทุน 33.59 ล้านบาท
4.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานและสร้างโอกาสการมีงานทำและเพิ่มรายได้ที่ถาวร จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 33.59 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
5. โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD)
5.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน ผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) และให้แรงงานสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทำงานด้านอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ การดำเนินโครงการจะใช้วิธีรับสมัครผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน ผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการทั่วประเทศ จำนวน 960 คน เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกเตรียมเข้าทำงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เช่น การบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อการแข่งขัน การบริหารการผลิตและควบคุมคุณภาพ และการบริหารต้นทุนในการผลิต เป็นต้น ระยะเวลาฝึกอบรม 3 เดือน โดยผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง และมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านการเขียนแบบอุตสาหกรรมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี วงเงินลงทุน 21.56 ล้านบาท
5.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานให้มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการเขียนแบบเครื่องกลที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างโอกาสในการจ้างงาน และช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะในภาคอุตสาหกรรม จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 21.56 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
6. โครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ
6.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานให้แก่คนพิการในชนบท และสร้างโอกาสการรวมกลุ่มของแก่คนพิการในการพัฒนาตนเองและการประกอบอาชีพ ซึ่งการดำเนินโครงการจะคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรมจากสมาคม/ชมรมคนพิการ จำนวน 600 คน เข้ารับการอบรมอาชีพให้เหมาะสมกับสภาพความพิการและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด หลักสูตรอบรม มี 3 ลักษณะ คือ 1) อาชีพอิสระ เช่น นวดแผนโบราณ นวดฝ่าเท้า 2) งานที่ทำใกล้บ้าน เช่น งานธุรการ รับงานจากโรงงานไปทำที่บ้าน 3) อาชีพพิเศษ เช่น ช่างซ่อมโทรทัศน์ เป็นต้น โดยจะมีการอบรมตามหลักสูตร 88 วัน และอบรมเพิ่มทักษะฝีมือเพื่อรวมกลุ่มประกอบอาชีพ 52 วัน ระหว่างฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงเป็นค่ายังชีพทดแทนรายได้ที่ขาดไปวันละ 50 บาท โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน (มกราคม -มิถุนายน) วงเงินลงทุน 7.41 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
- 3.70 3.71 -
6.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถทำให้คนพิการสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น และมีอาชีพที่เหมาะสมกับความพิการ จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 7.41 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไป โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
1. เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หลายโครงการ ซึ่งมีวงเงินรวมสูงกว่ากรอบวงเงินเบื้องต้นที่กำหนดไว้สำหรับแผนงานต่าง ๆ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงเห็นควรกำหนดระยะเวลาให้หน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอรายละเอียดโครงการภายในเดือนธันวาคม 2544 ยกเว้นแผนงานด้านชุมชน จะยึดระยะเวลาการนำเสนอโครงการภายในเดือนเมษายน 2545 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการสร้างกระบวนการจัดทำแผนงานของแต่ละชุมชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสะท้อนความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
2. สำหรับกรอบวงเงิน จำนวน 12,000 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 ให้กันไว้สำหรับการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ นั้น ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการที่ชัดเจน คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงเห็นควรให้มีการพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำหน้าที่ในการพิจารณาจัดสรรค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
1. โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่
1.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งแก่วิสาหกิจขนาดเล็กให้สามารถอยู่รอดและรักษาสภาพการจ้างงานไว้ได้ และผลักดันเพื่อให้เกิดวิสาหกิจใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นแหล่งจ้างงานในระยะยาว โดยการฝึกอบรมวิสาหกิจขนาดเล็ก บัณฑิตใหม่ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกออกจากงาน และพนักงานลูกจ้างที่มีความประสงค์จะเป็นผู้ประกอบกิจการอิสระ จำนวนประมาณ 6,500 คน
การดำเนินโครงการ จะประชาสัมพันธ์ให้วิสาหกิจขนาดเล็ก และกลุ่มเป้าหมายข้างต้นเข้ารับการคัดเลือกเพื่อฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้น (ไม่เกิน 3 สัปดาห์) สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์เชิงธุรกิจมาบ้างแล้ว และต้องการฝึกอบรมบางด้าน เช่น การจัดการด้านการตลาด การเงิน การผลิต และหลักสูตรระยะยาว(3 สัปดาห์ขึ้นไป) เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นผู้ประกอบการโดยเน้นการเรียนรู้ในลักษณะลองปฏิบัติ นอกจากนี้โครงการจะจัดให้มีกิจกรรมเสริม เช่น บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน การจัดตั้งธุรกิจ บริการบ่มเพาะธุรกิจ และการเปิดตัวธุรกิจสินค้าหรือบริการ โดยจัดหาพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการในการตั้งกิจการและดำเนินธุรกิจ ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี วงเงินลงทุน 175 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
- 61.25 72.95 40.80
สำหรับการบริหารโครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะเป็นแกนกลางรับผิดชอบบริหารโครงการและกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ หลักสูตรการอบรม รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามประเมินผลโครงการ โดยมีสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนเข้าร่วมดำเนินโครงการ
1.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิสาหกิจขนาดเล็ก และสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะเป็นผู้ประกอบกิจการอิสระ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการว่างงานได้ในอนาคต จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม วงเงิน 175 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้วิทยากรในลักษณะเดียวกันกับโครงการชุบชีวิตธุรกิจไทยที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2544 จึงเห็นควรให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมพิจารณาเรื่องความซ้ำซ้อนของวิทยากรอย่างเคร่งครัด รายละเอียดของหลักสูตรที่ใช้ในการฝึกอบรม และเพิ่มโอกาสในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ในภูมิภาคด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30กันยายน 2545
2. โครงการท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
2.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดทัศนศึกษาเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและรายได้ โดยส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาจัดทัศนศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนผู้ยากจนและด้อยโอกาสได้รับประสบการณ์การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้จริง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกนักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาที่ขาดแคลนคุณทรัพย์ และเยาวชนผู้ด้อยโอกาส ทั้งภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน จำนวน 92,500 คน เจ้าหน้าที่ ครู อาจารย์ จำนวน 5,000 คน และยุวมัคคุเทศก์ จำนวน 2,500 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน100,000 คน เดินทางไปทัศนศึกษาในสถานที่ทางประวัติศาสตร์และแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพ-มหานคร และปริมณฑล ใช้เวลาทัศนศึกษา 1 ครั้ง ๆ ละไม่เกิน 5 วัน
โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 10 เดือน วงเงินลงทุน 215 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
42.74 131.50 40.76 -
2.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในด้านผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการจัดทัศนศึกษา และจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญจากการทัศนศึกษาในโครงการดังกล่าว จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 215 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
3. โครงการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงาน
3.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแรงงานใหม่และผู้ว่างงานให้มีทักษะฝีมือตรงกับความต้องการของตลาด และมีศักยภาพสอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน และให้แรงงานที่เข้าร่วมโครงการมีความสามารถในการประสานกับสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพอิสระต่อไป ในการดำเนินโครงการนี้จะใช้วิธีรับสมัครประชาชนทั่วไปและผู้ที่ว่างงานทั่วประเทศ จำนวน 6,800 คน ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดทุกแห่งเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ เช่น ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า และกลุ่มอาชีพธุรกิจและบริการ เป็นต้น โดยผู้สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน และคาดว่าผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น และประมาณร้อยละ 10 (680 คน) สามารถเป็นผู้ประกอบการได้ต่อไป ซึ่งโครงการมีระยะเวลาการฝึกอบรมตามหลักสูตร จำนวน 9 เดือน วงเงินรวม 289.37 ล้านบาท
3.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน และสร้างโอกาสการมีงานทำที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนเป็นพื้นฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาว จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการพัฒนากำลังคนสู่ตลาดแรงงาน ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 289.37 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
4. โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
4.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะด้านอินเตอร์เน็ตและสารสนเทศ เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต รวมทั้งให้สามารถประสานกับสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพต่อไป การดำเนินโครงการจะใช้วิธีรับสมัครผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน และผู้ประกอบการทั่วประเทศ จำนวน 30,400 คน เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อประกอบธุรกิจ การประกอบธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ต และสินเชื่อสำหรับการประกอบธุรกิจหลักสูตรอบรม7 วัน โดยผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง และมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น นอกจากนี้ผู้สำเร็จการฝึกอบรมบางส่วนสามารถเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ได้ต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี วงเงินลงทุน 33.59 ล้านบาท
4.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานและสร้างโอกาสการมีงานทำและเพิ่มรายได้ที่ถาวร จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 33.59 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
5. โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD)
5.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน ผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการให้มีความรู้และทักษะด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) และให้แรงงานสามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทำงานด้านอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ การดำเนินโครงการจะใช้วิธีรับสมัครผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ว่างงาน ผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการทั่วประเทศ จำนวน 960 คน เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรฝึกเตรียมเข้าทำงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เช่น การบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อการแข่งขัน การบริหารการผลิตและควบคุมคุณภาพ และการบริหารต้นทุนในการผลิต เป็นต้น ระยะเวลาฝึกอบรม 3 เดือน โดยผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง และมีโอกาสได้รับการจ้างงานสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านการเขียนแบบอุตสาหกรรมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี วงเงินลงทุน 21.56 ล้านบาท
5.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถเพิ่มศักยภาพของแรงงานให้มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการเขียนแบบเครื่องกลที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างโอกาสในการจ้างงาน และช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะในภาคอุตสาหกรรม จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 21.56 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
6. โครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ
6.1 โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานให้แก่คนพิการในชนบท และสร้างโอกาสการรวมกลุ่มของแก่คนพิการในการพัฒนาตนเองและการประกอบอาชีพ ซึ่งการดำเนินโครงการจะคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรมจากสมาคม/ชมรมคนพิการ จำนวน 600 คน เข้ารับการอบรมอาชีพให้เหมาะสมกับสภาพความพิการและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด หลักสูตรอบรม มี 3 ลักษณะ คือ 1) อาชีพอิสระ เช่น นวดแผนโบราณ นวดฝ่าเท้า 2) งานที่ทำใกล้บ้าน เช่น งานธุรการ รับงานจากโรงงานไปทำที่บ้าน 3) อาชีพพิเศษ เช่น ช่างซ่อมโทรทัศน์ เป็นต้น โดยจะมีการอบรมตามหลักสูตร 88 วัน และอบรมเพิ่มทักษะฝีมือเพื่อรวมกลุ่มประกอบอาชีพ 52 วัน ระหว่างฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงเป็นค่ายังชีพทดแทนรายได้ที่ขาดไปวันละ 50 บาท โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน (มกราคม -มิถุนายน) วงเงินลงทุน 7.41 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเบิกจ่ายรายไตรมาส ดังนี้
ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
- 3.70 3.71 -
6.2 คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถทำให้คนพิการสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น และมีอาชีพที่เหมาะสมกับความพิการ จึงเห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการส่งเสริมอาชีพคนพิการ ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม วงเงินลงทุน 7.41 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาในรายละเอียด โดยให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายเสนอขออนุมัติเงินจากสำนักงบประมาณ ภายใน 10 วันทำการ หลังจากโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินภายในวันที่ 30 กันยายน 2545
นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไป โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
1. เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หลายโครงการ ซึ่งมีวงเงินรวมสูงกว่ากรอบวงเงินเบื้องต้นที่กำหนดไว้สำหรับแผนงานต่าง ๆ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงเห็นควรกำหนดระยะเวลาให้หน่วยงานต่าง ๆ นำเสนอรายละเอียดโครงการภายในเดือนธันวาคม 2544 ยกเว้นแผนงานด้านชุมชน จะยึดระยะเวลาการนำเสนอโครงการภายในเดือนเมษายน 2545 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการสร้างกระบวนการจัดทำแผนงานของแต่ละชุมชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสะท้อนความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
2. สำหรับกรอบวงเงิน จำนวน 12,000 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 ให้กันไว้สำหรับการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ นั้น ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการที่ชัดเจน คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จึงเห็นควรให้มีการพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำหน้าที่ในการพิจารณาจัดสรรค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-