คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบหลักเกณท์การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ และการจ้างที่ปรึกษาไทย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 4 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) เป็นประธานกรรมการฯ แล้ว และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้
1. หลักเกณท์การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ
1.1 ในการจัดหาพัสดุที่มีผลิตในประเทศแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและถือปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด
ถ้าไม่มีพัสดุที่มีในประเทศ ก็ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการของรัฐจัดหาตามหลักเกณท์ปกติต่อไปได้
1.2 ในกรณีที่มีพัสดุที่ผลิตในประเทศแล้ว แต่มีจำนวนน้อยราย หรือมีความจำเป็นต้องใช้จากต่างประเทศ หรือจะต้องมีการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศในกรณีที่เป็นประโยชน์ยิ่งกว่า ให้หน่วยงานของรัฐนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เว้นแต่เป็นการจัดหาที่มีวงเงินไม่สูง ให้เป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่จะพิจารณาอนุมัติได้ 2 กรณี คือ
1) เป็นการจัดหาอะไหล่ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องระบุยี่ห้อและจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
2) เป็นการจัดหาครั้งหนึ่งที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือราคาพัสดุที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาต่อหน่วยไม่เกิน 2 ล้านบาท
1.3 การใช้พัสดุที่ผลิตจากต่างประเทศ หรือนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศหมายถึง การใช้หรือการนำเข้าพัสดุที่ผลิตสำเร็จรูปแล้วจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะนำเข้าโดยคู่สัญญาหรือบุคคลอื่นใด
2. หลักเกณท์การจ้างที่ปรึกษาไทย.
2.1 ในการจ้างที่ปรึกษา ให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนจ้างที่ปรึกษาไทยและถือปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับของหน่วยงานผู้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยกเว้น3 กรณีคือ 1) แหล่งเงินช่วยเหลือหรือเงินกู้กำหนดเงื่อนไขให้พิจารณาจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ 2) ศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษากระทรวงการคลังว่าไม่มีที่ปรึกษาไทยในสาขาบริการหรืองานนั้น และไม่มีที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยของรัฐสามารถให้บริการได้ 3) เป็นการจ้างที่ปรึกษาของส่วนราชการในต่างประเทศ หรือมีกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติในต่างประเทศ
2.2 ในกรณีที่ไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามข้อ 2.1 และมีความจำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
2.3 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐได้จัดทำสัญญาหรือข้อตกลงจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ หรือได้แจ้งผลการคัดเลือกให้ที่ปรึกษาต่างประเทศทราบก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจ้างที่ปรึกษาที่ได้ปรับปรุงใหม่นี้ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามสัญญาหรือข้อตกลง หรือการแจ้งผลการคัดเลือกต่อไปได้
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีเคยมีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 ให้หยุดหรือชะลอการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศและให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศในกรณีจำเป็นเนื่องจากเป็นพัสดุที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ หรือเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะรัฐมนตรี รวมถึงให้ระงับ ยกเลิกหรือชะลอการจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ โดยพยายามเปลี่ยนมาใช้ที่ปรึกษาไทยที่มีความรู้ เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังได้มีการซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องนี้อีกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2544 ว่าเจตนารมณ์ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มิได้มุ่งประสงค์จะใช้บังคับกับกรณีที่รอทำสัญญาหรือทำสัญญาแล้ว สำหรับกรณีที่จะต้องดำเนินการต่อไปให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ โดยหากเป็นกรณีที่มีพัสดุที่ผลิตในประเทศแล้ว ให้กำหนดเงื่อนไขการเสนอราคาให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศเท่านั้น ถ้ามีการผ่อนผันก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของรัฐมนตรี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 ต.ค. 44--
-สส-
1. หลักเกณท์การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ
1.1 ในการจัดหาพัสดุที่มีผลิตในประเทศแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและถือปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด
ถ้าไม่มีพัสดุที่มีในประเทศ ก็ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการของรัฐจัดหาตามหลักเกณท์ปกติต่อไปได้
1.2 ในกรณีที่มีพัสดุที่ผลิตในประเทศแล้ว แต่มีจำนวนน้อยราย หรือมีความจำเป็นต้องใช้จากต่างประเทศ หรือจะต้องมีการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศในกรณีที่เป็นประโยชน์ยิ่งกว่า ให้หน่วยงานของรัฐนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เว้นแต่เป็นการจัดหาที่มีวงเงินไม่สูง ให้เป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่จะพิจารณาอนุมัติได้ 2 กรณี คือ
1) เป็นการจัดหาอะไหล่ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องระบุยี่ห้อและจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
2) เป็นการจัดหาครั้งหนึ่งที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือราคาพัสดุที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาต่อหน่วยไม่เกิน 2 ล้านบาท
1.3 การใช้พัสดุที่ผลิตจากต่างประเทศ หรือนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศหมายถึง การใช้หรือการนำเข้าพัสดุที่ผลิตสำเร็จรูปแล้วจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะนำเข้าโดยคู่สัญญาหรือบุคคลอื่นใด
2. หลักเกณท์การจ้างที่ปรึกษาไทย.
2.1 ในการจ้างที่ปรึกษา ให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนจ้างที่ปรึกษาไทยและถือปฏิบัติตามระเบียบหรือข้อบังคับของหน่วยงานผู้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยกเว้น3 กรณีคือ 1) แหล่งเงินช่วยเหลือหรือเงินกู้กำหนดเงื่อนไขให้พิจารณาจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ 2) ศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษากระทรวงการคลังว่าไม่มีที่ปรึกษาไทยในสาขาบริการหรืองานนั้น และไม่มีที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยของรัฐสามารถให้บริการได้ 3) เป็นการจ้างที่ปรึกษาของส่วนราชการในต่างประเทศ หรือมีกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติในต่างประเทศ
2.2 ในกรณีที่ไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามข้อ 2.1 และมีความจำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
2.3 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐได้จัดทำสัญญาหรือข้อตกลงจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ หรือได้แจ้งผลการคัดเลือกให้ที่ปรึกษาต่างประเทศทราบก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การจ้างที่ปรึกษาที่ได้ปรับปรุงใหม่นี้ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามสัญญาหรือข้อตกลง หรือการแจ้งผลการคัดเลือกต่อไปได้
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีเคยมีมติเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 ให้หยุดหรือชะลอการนำเข้าพัสดุจากต่างประเทศและให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศในกรณีจำเป็นเนื่องจากเป็นพัสดุที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ หรือเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ ก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะรัฐมนตรี รวมถึงให้ระงับ ยกเลิกหรือชะลอการจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศ โดยพยายามเปลี่ยนมาใช้ที่ปรึกษาไทยที่มีความรู้ เช่น อาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังได้มีการซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องนี้อีกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2544 ว่าเจตนารมณ์ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มิได้มุ่งประสงค์จะใช้บังคับกับกรณีที่รอทำสัญญาหรือทำสัญญาแล้ว สำหรับกรณีที่จะต้องดำเนินการต่อไปให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ โดยหากเป็นกรณีที่มีพัสดุที่ผลิตในประเทศแล้ว ให้กำหนดเงื่อนไขการเสนอราคาให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศเท่านั้น ถ้ามีการผ่อนผันก็ให้อยู่ในดุลยพินิจของรัฐมนตรี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 ต.ค. 44--
-สส-