ทำเนียบรัฐบาล--14 มี.ค.--รอยเตอร์
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการในประเทศไทย ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอ กรณีที่ให้นำค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม/สัมมนา/นิทรรศการนานาชาติ และจัดการท่องเที่ยวเป็นรางวัลภายในประเทศไทยของภาคเอกชนมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีประจำปีได้มากกว่ากรณีการจัดกิจกรรมที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ
แนวทางดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กระทรวงการคลังเห็นว่า ตามหลักการภาษีในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถนำรายจ่ายของการดำเนินกิจการทั้งในและต่างประเทศที่เป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายจริง ดังนั้น หากค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดประชุม/สัมมนา/นิทรรศการนานาชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและเกิดประโยชน์แก่กิจการก็สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้
2. การให้สิทธิภาคเอกชนสามารถนำรายจ่ายเพื่อกิจกรรมในประเทศไทยมาหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่ากรณีการจัดกิจกรรมที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยให้สิทธิหักค่าใช้จ่ายได้มากกว่ารายจ่ายที่ได้จ่ายไปจริง กระทรวงการคลังเห็นว่ายังไม่ควรให้สิทธิประโยชน์ตามเสนอโดยมีเหตุผล ดังนี้
2.1 เพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนด้านรายจ่ายของบริษัทโดยมุ่งเน้นใช้จ่ายในลักษณะนี้มากขึ้น อันเป็นการหวังผลทางด้านภาษี ทั้งที่รายจ่ายประเภทนี้อาจไม่มีความจำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของกิจการ
2.2 ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในระบบภาษี โดยเฉพาะถ้าหากผู้ประกอบการต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องมีกิจกรรมในต่างประเทศ จะไม่ได้รับสิทธิในลักษณะนี้ หากเปรียบเทียบกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
2.3 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันรัฐบาลมีรายจ่ายสูงแต่จัดเก็บภาษีได้ลดลง จึงยังไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้มาตรการนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 มีนาคม 2543--
คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการในประเทศไทย ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอ กรณีที่ให้นำค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม/สัมมนา/นิทรรศการนานาชาติ และจัดการท่องเที่ยวเป็นรางวัลภายในประเทศไทยของภาคเอกชนมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีประจำปีได้มากกว่ากรณีการจัดกิจกรรมที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ
แนวทางดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กระทรวงการคลังเห็นว่า ตามหลักการภาษีในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถนำรายจ่ายของการดำเนินกิจการทั้งในและต่างประเทศที่เป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้ตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายจริง ดังนั้น หากค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดประชุม/สัมมนา/นิทรรศการนานาชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและเกิดประโยชน์แก่กิจการก็สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้
2. การให้สิทธิภาคเอกชนสามารถนำรายจ่ายเพื่อกิจกรรมในประเทศไทยมาหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่ากรณีการจัดกิจกรรมที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยให้สิทธิหักค่าใช้จ่ายได้มากกว่ารายจ่ายที่ได้จ่ายไปจริง กระทรวงการคลังเห็นว่ายังไม่ควรให้สิทธิประโยชน์ตามเสนอโดยมีเหตุผล ดังนี้
2.1 เพื่อไม่ให้เกิดการบิดเบือนด้านรายจ่ายของบริษัทโดยมุ่งเน้นใช้จ่ายในลักษณะนี้มากขึ้น อันเป็นการหวังผลทางด้านภาษี ทั้งที่รายจ่ายประเภทนี้อาจไม่มีความจำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพของกิจการ
2.2 ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในระบบภาษี โดยเฉพาะถ้าหากผู้ประกอบการต้องมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องมีกิจกรรมในต่างประเทศ จะไม่ได้รับสิทธิในลักษณะนี้ หากเปรียบเทียบกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
2.3 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันรัฐบาลมีรายจ่ายสูงแต่จัดเก็บภาษีได้ลดลง จึงยังไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้มาตรการนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 13 มีนาคม 2543--