1. เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการออสเตรเลีย - เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (AAPTIP)
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการออสเตรเลีย - เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 169/2559 ลงวันที่ 25 เมษายน 2559 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการออสเตรเลีย - เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยมีผู้แทนโครงการฝ่ายออสเตรเลีย เป็นที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (กำกับดูแลงานด้านการต่างประเทศ) เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการอีก 15 คน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการขับเคลื่อนและกำกับดูแลการดำเนินงานตามโครงการออสเตรเลีย - เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ แผนงานของไทย ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค กำหนดกรอบและแผนงาน เสนอแนะแนวทางในการขับเคลื่อนและพัฒนาแผนปฏิบัติงานของประเทศไทยภายใต้โครงการฯ ร่วมกับผู้แทนโครงการฝ่ายออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2559 เป็นต้นไป
2. การจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการ เกิดขึ้นจากตราสารในระดับ “ข้อตกลงเสริม” ที่ลงนามร่วมกันในระดับหน่วยงานของทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีสถานะเป็นเพียงผู้เข้าร่วมโครงการ (participant) เท่านั้น โดยมีคณะกรรมการฯ เป็นกลไกส่งเสริมกิจกรรมเพื่อลดโอกาสและเหตุจูงใจที่จะนำไปสู่การค้ามนุษย์ ร่วมกับผู้รับสัญญาโครงการจากฝ่ายออสเตรเลีย ประกอบกับข้อตกลงเสริมฉบับนี้เป็นการผูกพันด้านการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันแต่ไม่มีสถานะเป็นตราสารที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย และไม่ก่อให้เกิดหรือได้มาซึ่งสิทธิหน้าที่ใดทั้งตามกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด อีกทั้งยังกำหนดให้มีผู้แทนโครงการซึ่งมีสถานะเป็นเพียงผู้รับสัญญาที่จะอำนวยความช่วยเหลือด้านการปฏิบัติ (Implementing Service Provider) ของโครงการ AAPTIP และเป็นผู้แทนจากฝ่ายออสเตรเลียเข้าเป็นองค์ประกอบร่วมกับผู้แทนฝ่ายไทย
3. แนวทางการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการของ 6 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการของแต่ละประเทศเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับอธิบดี รองอธิบดี ผู้อำนวยการบริหาร และเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการระดับภูมิภาค (Regional Program Streeing Committee : RPSC) ด้วย
2. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้
1. นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันการข่าวกรอง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2558
2. นางอัจฉรา อุณหเลขกะ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2559
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
3. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้ง นายวิม ยาหิรัญ ผู้อำนวยการสำนัก 2 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
4. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอแต่งตั้ง นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิมซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2559 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
5. เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้ง นางสาวสิริพร พิทยโสภณ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป
6. เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม)
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 108/2559 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) ดังนี้
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 216/2558 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 นั้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการบริหารราชการ และสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 พฤษภาคม 2559--