คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานที่เห็นชอบหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ตามผลการพิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 แล้วมีมติเห็นชอบร่วมกันในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ดังนี้
1. การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติควรพิจารณาให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในภาวะความจำเป็นเร่งด่วน หรือในพื้นที่ที่เกิดภาวะวิกฤตสำหรับในกรณีของศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ควรพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติในอัตราร้อยละ 15 เฉพาะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ดังนี้
(1) ให้ตัดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนออกจากการคำนวณโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของหน่วยงานต้นสังกัด
(2) ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีระยะเวลาการปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 4 เดือน สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมิน (6 เดือน) และจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนรวมทั้งปีไม่เกิน 2 ขั้น
(3) เห็นควรให้ศูนย์ประสานข่าวกรองฯ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผลงานของผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ให้ชัดเจน เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
(4) เห็นควรกำหนดบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ สำหรับปีงบประมาณ 2548 และควรพิจารณาทบทวนเรื่องนี้เป็นรายปี
2. ที่ประชุมมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
(1) ในการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติจะพิจารณาให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในสภาวะวิกฤติหรืองานตามนโยบายรัฐบาลที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ซึ่งในกรณีของศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ที่เสนอให้พิจารณาแก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคเหนือและภาคใต้ อันเป็นภารกิจประจำของหน่วยงานซึ่งได้รับการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษร้อยละ 15 อยู่แล้ว จึงไม่เป็นไปตามหลักการพิจารณาโควตาพิเศษฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไปแล้ว
(2) การกำหนดโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานลักษณะเดียวกับศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับการพิจารณาโควตาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษร้อยละ 15 โดยไม่มีการพิจารณาโควตาพิเศษเพิ่มเติมอีกร้อยละ 15 ดังนั้น หากกรณีผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ทุกภาคได้รับการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษเพิ่มเติมอีกจะมีผลให้ กอ.รมน. หรือหน่วยงานอื่นที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันขอให้พิจารณาโควตาพิเศษดังกล่าวตามมาด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 พฤศจิกายน 2548--จบ--
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2548 แล้วมีมติเห็นชอบร่วมกันในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ดังนี้
1. การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติควรพิจารณาให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในภาวะความจำเป็นเร่งด่วน หรือในพื้นที่ที่เกิดภาวะวิกฤตสำหรับในกรณีของศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ควรพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติในอัตราร้อยละ 15 เฉพาะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ดังนี้
(1) ให้ตัดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนออกจากการคำนวณโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของหน่วยงานต้นสังกัด
(2) ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีระยะเวลาการปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 4 เดือน สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมิน (6 เดือน) และจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนรวมทั้งปีไม่เกิน 2 ขั้น
(3) เห็นควรให้ศูนย์ประสานข่าวกรองฯ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผลงานของผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ให้ชัดเจน เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
(4) เห็นควรกำหนดบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ สำหรับปีงบประมาณ 2548 และควรพิจารณาทบทวนเรื่องนี้เป็นรายปี
2. ที่ประชุมมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้
(1) ในการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ นอกเหนือโควตาปกติจะพิจารณาให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในสภาวะวิกฤติหรืองานตามนโยบายรัฐบาลที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ซึ่งในกรณีของศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ที่เสนอให้พิจารณาแก่ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคเหนือและภาคใต้ อันเป็นภารกิจประจำของหน่วยงานซึ่งได้รับการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษร้อยละ 15 อยู่แล้ว จึงไม่เป็นไปตามหลักการพิจารณาโควตาพิเศษฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไปแล้ว
(2) การกำหนดโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนของ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานลักษณะเดียวกับศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับการพิจารณาโควตาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษร้อยละ 15 โดยไม่มีการพิจารณาโควตาพิเศษเพิ่มเติมอีกร้อยละ 15 ดังนั้น หากกรณีผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ประสานข่าวกรองฯ ทุกภาคได้รับการพิจารณาโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษเพิ่มเติมอีกจะมีผลให้ กอ.รมน. หรือหน่วยงานอื่นที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันขอให้พิจารณาโควตาพิเศษดังกล่าวตามมาด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 พฤศจิกายน 2548--จบ--