คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงการดำเนินงานของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อมให้มีสถานะเป็นธนาคาร) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ การเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนตามคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises-SMEs) เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการเดิมและเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการใหม่อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างและรักษาฐานการผลิต การจ้างงาน การสร้างรายได้ การส่งออก และเป็นแกนหลักในการสร้างความเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีแนวทางดำเนินการที่สำคัญแนวทางหนึ่งคือการจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉะนั้นเพื่อให้การจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นการเฉพาะสามารถสนองต่อนโยบายเร่งด่วนและคำนึงถึงความประหยัด มีความรวดเร็วและคล่องตัว เห็นควรให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือต่อ SMEs เป็นฐานรองรับการดำเนินงานในลักษณะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 เพื่อให้ บอย. มีสถานะเป็นธนาคาร โดยใช้ชื่อว่า "ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย" ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการด้านการเงินแก่ SMEs ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับปรุงขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น โดยให้สามารถบริการทางการเงินแก่ SMEs ได้ครบวงจรใกล้เคียงธนาคารพาณิชย์ เช่น การโอนเงิน และการให้มีบัญชีกระแสรายวัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของลูกค้า และการรับฝากเงินเพื่อเป็นการขยายช่องทางระดมเงิน โดยให้สามารถรับฝากเงินได้เฉพาะผู้ซึ่งทำธุรกิจกับ บอย. และให้รับฝากเงินจากประชาชนทั่วไปได้โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก่อน รวมทั้งการดำเนินธุรกิจเงินตราต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ SMEs
2. เปิดโอกาสให้ บอย. สามารถหาแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินงานของ บอย. ได้กว้างขวางมากขึ้น โดยเพิ่มเติมให้ บอย. สามารถออกตราสารทางการเงิน และรับเงินฝากจากผู้ซึ่งทำธุรกิจกับ บอย. ได้ โดยทั้งนี้ ในกรณีที่ บอย. ได้รับความเสียหายจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรีให้รัฐบาลเพิ่มทุนให้ บอย. ตามความจำเป็นและเหมาะสมได้
3. ปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการ บอย. ให้มีผู้แทนจากกระทรวงการคลัง และผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม แห่งละ 2 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วยเพื่อการกำกับนโยบายด้านการเงิน และนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาภาค SMEs ให้สอดคล้องกัน และให้มีกรรมการมาจากการเลือกตั้งของผู้ถือหุ้นได้อีก 6 คน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเลือกตั้งบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเหมาะสมเข้ามาร่วมเป็นกรรมการ โดยมีผู้จัดการทั่วไปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 11 คน ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518
4. ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารองค์กร เพื่อให้ บอย. มีการบริหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งกำหนดให้มีการกำกับดูแลความมั่นคงและการจัดสรรกำไรสุทธิ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย. 2544
-สส-
ทั้งนี้ การเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนตามคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises-SMEs) เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการเดิมและเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการใหม่อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างและรักษาฐานการผลิต การจ้างงาน การสร้างรายได้ การส่งออก และเป็นแกนหลักในการสร้างความเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีแนวทางดำเนินการที่สำคัญแนวทางหนึ่งคือการจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉะนั้นเพื่อให้การจัดตั้งธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นการเฉพาะสามารถสนองต่อนโยบายเร่งด่วนและคำนึงถึงความประหยัด มีความรวดเร็วและคล่องตัว เห็นควรให้บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือต่อ SMEs เป็นฐานรองรับการดำเนินงานในลักษณะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ. 2534 เพื่อให้ บอย. มีสถานะเป็นธนาคาร โดยใช้ชื่อว่า "ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย" ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการด้านการเงินแก่ SMEs ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับปรุงขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น โดยให้สามารถบริการทางการเงินแก่ SMEs ได้ครบวงจรใกล้เคียงธนาคารพาณิชย์ เช่น การโอนเงิน และการให้มีบัญชีกระแสรายวัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของลูกค้า และการรับฝากเงินเพื่อเป็นการขยายช่องทางระดมเงิน โดยให้สามารถรับฝากเงินได้เฉพาะผู้ซึ่งทำธุรกิจกับ บอย. และให้รับฝากเงินจากประชาชนทั่วไปได้โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก่อน รวมทั้งการดำเนินธุรกิจเงินตราต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ SMEs
2. เปิดโอกาสให้ บอย. สามารถหาแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินงานของ บอย. ได้กว้างขวางมากขึ้น โดยเพิ่มเติมให้ บอย. สามารถออกตราสารทางการเงิน และรับเงินฝากจากผู้ซึ่งทำธุรกิจกับ บอย. ได้ โดยทั้งนี้ ในกรณีที่ บอย. ได้รับความเสียหายจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรีให้รัฐบาลเพิ่มทุนให้ บอย. ตามความจำเป็นและเหมาะสมได้
3. ปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการ บอย. ให้มีผู้แทนจากกระทรวงการคลัง และผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม แห่งละ 2 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วยเพื่อการกำกับนโยบายด้านการเงิน และนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาภาค SMEs ให้สอดคล้องกัน และให้มีกรรมการมาจากการเลือกตั้งของผู้ถือหุ้นได้อีก 6 คน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเลือกตั้งบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเหมาะสมเข้ามาร่วมเป็นกรรมการ โดยมีผู้จัดการทั่วไปเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 11 คน ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518
4. ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารองค์กร เพื่อให้ บอย. มีการบริหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งกำหนดให้มีการกำกับดูแลความมั่นคงและการจัดสรรกำไรสุทธิ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร)--วันที่ 5 มิ.ย. 2544
-สส-