ทำเนียบรัฐบาล--4 ม.ค.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การขายข้าวให้รัฐบาลอิหร่าน ดังนี้
1. อนุมัติการขายข้าวเป็นเงินเชื่อ 2 ปี (720 วัน) โดยให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินตามสัญญาฯ ในรูปของการให้กู้โดยองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ทำสัญญากู้ และกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้เบิกจ่าย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อให้สินเชื่อในการขายข้าวตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้
2. อนุมัติแนวทางการจัดหาข้าวส่งมอบหากสถานการณ์จำเป็นและเหมาะสม โดยจะนำข้าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ส่งมอบ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) จะพิจารณารับซื้อจากผู้ส่งออก เพื่อเร่งรัดการส่งออกข้าวและเป็นการดึงปริมาณข้าวในมือเกษตรกรให้ลดลง ทำให้เกิดการแข่งขันรับซื้อข้าวเพื่อส่งออก ส่งผลให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสูงขึ้นในที่สุด โดยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศรับซื้อจากผู้ส่งออกตามราคาตลาดขณะประกาศซื้อ และตามเงื่อนไขการส่งมอบข้าวรัฐบาลอิหร่าน หากมีภาระการขาดทุนจากการนี้ขออนุมัติในหลักการให้ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ชดเชยตามส่วนต่างที่เกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่าราคาข้าวภายในประเทศมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากผลการขายครั้งนี้
โดยก่อนหน้านี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลอิหร่านเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2542 โดย Government Trading Corporation (GTC) อิหร่านต้องการซื้อข้าวขาว 100% ชั้น 2 จำนวน 300,000 ตัน เงินเชื่อ 2 ปี (720 วัน) กำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2542 เป็นต้นไป และต่อมาคณะผู้แทนเจรจาการค้ารัฐบาลอิหร่าน นำโดย Dr. M. Ansari, Chairman of the Government Trading Corporation (GTC)and President of the Purchasing Committee ได้เดินทางมาเจรจาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย และได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2542 โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 มกราคม 2543--
คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การขายข้าวให้รัฐบาลอิหร่าน ดังนี้
1. อนุมัติการขายข้าวเป็นเงินเชื่อ 2 ปี (720 วัน) โดยให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินตามสัญญาฯ ในรูปของการให้กู้โดยองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ทำสัญญากู้ และกรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้เบิกจ่าย ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ เพื่อให้สินเชื่อในการขายข้าวตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้
2. อนุมัติแนวทางการจัดหาข้าวส่งมอบหากสถานการณ์จำเป็นและเหมาะสม โดยจะนำข้าวจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ส่งมอบ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) จะพิจารณารับซื้อจากผู้ส่งออก เพื่อเร่งรัดการส่งออกข้าวและเป็นการดึงปริมาณข้าวในมือเกษตรกรให้ลดลง ทำให้เกิดการแข่งขันรับซื้อข้าวเพื่อส่งออก ส่งผลให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสูงขึ้นในที่สุด โดยให้กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศรับซื้อจากผู้ส่งออกตามราคาตลาดขณะประกาศซื้อ และตามเงื่อนไขการส่งมอบข้าวรัฐบาลอิหร่าน หากมีภาระการขาดทุนจากการนี้ขออนุมัติในหลักการให้ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ชดเชยตามส่วนต่างที่เกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่าราคาข้าวภายในประเทศมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจากผลการขายครั้งนี้
โดยก่อนหน้านี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับรัฐบาลอิหร่านเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2542 โดย Government Trading Corporation (GTC) อิหร่านต้องการซื้อข้าวขาว 100% ชั้น 2 จำนวน 300,000 ตัน เงินเชื่อ 2 ปี (720 วัน) กำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนธันวาคม 2542 เป็นต้นไป และต่อมาคณะผู้แทนเจรจาการค้ารัฐบาลอิหร่าน นำโดย Dr. M. Ansari, Chairman of the Government Trading Corporation (GTC)and President of the Purchasing Committee ได้เดินทางมาเจรจาซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย และได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2542 โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 4 มกราคม 2543--