การกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี(นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รองประธานคณะกรรมการฯ ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสวนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอ และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ มีมติให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 2545 และ 2546 สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลสถานภาพงบประมาณรายจ่ายลงทุนในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เป็นผลให้มีงบประมาณที่ยังมิได้เบิกจ่าย เหลือจ่ายอยู่ตามช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2544 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 แล้ว
สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 สำนักงบประมาณ โดยสำนักประเมินผลได้จัดทำข้อมูลรายงานสถานภาพงบประมาณรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 แล้ว ปรากฏว่างบประมาณที่ยังมิได้อนุมัติเงินประจำงวด ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2544 มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 16,070,164,074 บาท ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วคาดว่าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ สามารถทำสัญญา จัดซื้อ จัดจ้างได้ภายในกำหนดระยะเวลา4 ช่วงเวลา และจะมียอดงบประมาณคงเหลือในแต่ละช่วงเวลา ดังนี้
1. วันที่ 15 สิงหาคม 2544 ยังไม่ทำสัญญา มียอดคงเหลือ 16,070,164,074 บาท
2. วันที่ 16 - 31 สิงหาคม 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 4,528,686,910 บาท จะมียอดคงเหลือ11,541,477,164 บาท
3. วันที่ 1 - 15 กันยายน 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 5,257,517,999 บาท จะมียอดคงเหลือ6,283,959,165 บาท
4. วันที่ 16 - 30 กันยายน 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 4,964,443,184 บาท จะมียอดคงเหลือสุทธิจำนวน 1,319,515,981 บาท
สำหรับการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายรายจ่ายลงทุนให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 มีดังนี้
หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณรายการใด อันเนื่องจากไม่มีรูปแบบรายการและประมาณราคากลางที่เสร็จสมบูรณ์ ทั้งรายการที่ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวดและที่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวดแล้ว แต่คาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทัน ภายในวันที่ 30 กันยายน 2544 ก็ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพิจารณาเปลี่ยนแปลงเป็นโครงการที่จำเป็น เร่งด่วน ที่มีความพร้อมของรูปแบบรายการก่อสร้าง และ/หรือมีคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ รวมทั้งมีราคากลางพร้อมที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และให้พิจารณาการดำเนินงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นอันดับแรกก่อน โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากรายการที่มียอดเงินคงเหลือไปตั้งจ่ายในรายการที่มีความพร้อมดังกล่าว ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2544 ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในวันที่30 กันยายน 2544 และให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 (เดือนธันวาคม 2544) หรืออย่างช้าไม่เกินไตรมาสที่ 2 (เดือนมีนาคม 2545)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ส.ค.44--
-สส-
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติ เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี(นายสุวิทย์ คุณกิตติ) รองประธานคณะกรรมการฯ ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสวนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอ และให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ มีมติให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 2545 และ 2546 สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางได้ร่วมกันจัดทำข้อมูลสถานภาพงบประมาณรายจ่ายลงทุนในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เป็นผลให้มีงบประมาณที่ยังมิได้เบิกจ่าย เหลือจ่ายอยู่ตามช่วงระยะเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2544 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2544 แล้ว
สำหรับผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 สำนักงบประมาณ โดยสำนักประเมินผลได้จัดทำข้อมูลรายงานสถานภาพงบประมาณรายจ่ายลงทุนปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 แล้ว ปรากฏว่างบประมาณที่ยังมิได้อนุมัติเงินประจำงวด ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2544 มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 16,070,164,074 บาท ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วคาดว่าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ สามารถทำสัญญา จัดซื้อ จัดจ้างได้ภายในกำหนดระยะเวลา4 ช่วงเวลา และจะมียอดงบประมาณคงเหลือในแต่ละช่วงเวลา ดังนี้
1. วันที่ 15 สิงหาคม 2544 ยังไม่ทำสัญญา มียอดคงเหลือ 16,070,164,074 บาท
2. วันที่ 16 - 31 สิงหาคม 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 4,528,686,910 บาท จะมียอดคงเหลือ11,541,477,164 บาท
3. วันที่ 1 - 15 กันยายน 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 5,257,517,999 บาท จะมียอดคงเหลือ6,283,959,165 บาท
4. วันที่ 16 - 30 กันยายน 2544 จะทำสัญญาได้ เป็นเงิน 4,964,443,184 บาท จะมียอดคงเหลือสุทธิจำนวน 1,319,515,981 บาท
สำหรับการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายรายจ่ายลงทุนให้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 มีดังนี้
หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณรายการใด อันเนื่องจากไม่มีรูปแบบรายการและประมาณราคากลางที่เสร็จสมบูรณ์ ทั้งรายการที่ยังไม่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวดและที่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวดแล้ว แต่คาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทัน ภายในวันที่ 30 กันยายน 2544 ก็ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพิจารณาเปลี่ยนแปลงเป็นโครงการที่จำเป็น เร่งด่วน ที่มีความพร้อมของรูปแบบรายการก่อสร้าง และ/หรือมีคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์ รวมทั้งมีราคากลางพร้อมที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และให้พิจารณาการดำเนินงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นอันดับแรกก่อน โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากรายการที่มียอดเงินคงเหลือไปตั้งจ่ายในรายการที่มีความพร้อมดังกล่าว ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2544 ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในวันที่30 กันยายน 2544 และให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 (เดือนธันวาคม 2544) หรืออย่างช้าไม่เกินไตรมาสที่ 2 (เดือนมีนาคม 2545)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ส.ค.44--
-สส-